ลักษณะดูบุตรทั้ง 3 ประเภท
---ในปุตตสูตร พระไตรปิฎก เล่มที่ 25 หน้า 257 พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงเรื่องของลูกไว้ 3 ประเภท คือ อภิชาตบุตร อนุชาติบุตร และอวชาตบุตร ไว้ดังนี้
---1.อภิชาตบุตร ลูกที่ดีเลิศกว่าพ่อแม่ โดยทรงยกเอาพ่อแม่มาเป็นมาตรวัด โดยพ่อแม่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และไม่มีศีล 5 ข้อเป็นบทตั้ง แต่ลูกมีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะและตั้งอยู่ในศีล 5
---2.อนุชาตบุตร ลูกที่ดีเสมอกับพ่อแม่ โดยพ่อแม่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และมีศีล5 ส่วนลูกก็มีพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะและมีศีล 5 ประจำอยู่ด้วยเช่นกัน
---3.อวชาตบุตร ลูกที่ต่ำกว่าตระกูลหรือพ่อแม่ โดยพ่อแม่ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ และมีศีล ส่วนลูกไม่ถึงพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์เป็นสรณะ และไม่มีศีล 5 ด้วย
*ในบรรดาลูกทั้ง 3 ประเภทนี้
---ทรงแสดงว่าประเภทอวชาตบุตร จัดว่าเป็นลูกที่เลว หรือต่ำกว่าตระกูล ในบรรดาความชั่วที่ร้ายแรงทั้งหมดของคนในโลกนี้ คงจะไม่มีความชั่วอะไรที่ร้ายแรงเกินไปกว่าการละเมิดศีล 5 ข้อไปได้อีกแล้ว
---โปรดพิจารณาด้วยใจเป็นธรรมดูเถิดว่า ในโลกนี้ยังจะมีความผิดอะไรที่ร้ายแรงเกินไปกว่า การละเมิดศีล 5 ข้อบ้าง ลองเข้าไปดูในคุกสิว่า บรรดานักโทษทั้งหมดนั้นจะมีสักกี่คน ที่ทำผิดโดยไม่เกี่ยวกับการละเมิดศีล 5 ข้อบ้าง
---ฆ่าเขา ทำร้ายร่างกายเขา ก็เกิดจากการละเมิดศีลข้อที่ 1
---ลัก ปล้น จี้ ก็เกิดจากการละเมิดศีลข้อที่ 2
---เป็นชู้เมียหรือผัวเขา ข่มขืน ก็เกิดจากการละเมิดศีลข้อที่ 3
---โกหก ผิดสัญญา หลอกลวง ก็เกิดจากการละเมิดศีลข้อที่ 4
---ทำชั่วหรือทำผิดต่างๆ ก็เพราะขาดสติ ก็เกิดจากการละเมิดศีลข้อที่ 5
*การละเมิดศีล 5 จึงเป็นเหตุแห่งความชั่วต่างๆ ได้สารพัด
---ตั้งแต่เบาจนถึงหนักสุด การมีศีลเพียง 5 ข้อ จึงเป็นเกราะแก้วกำบังตนให้พ้นจากภัยและเวรได้ชะงัดนักวิเศษกว่าของขลังใดๆ ในโลก จริงอยู่แม้ว่าการละเมิดศีล 5 ที่เรียกว่า “เบญจธรรม” ก็ตาม แต่ว่าความผิดที่รุนแรงต่างๆ นั้น จะไม่มีอะไรเกินไปกว่าการล่วงละเมิด 5 ไปได้เลย เพื่อป้องกันมิให้ลูกต้องล่วงศีล 5 จึงควรที่พ่อแม่จะต้องรีบปลูกฝังคุณธรรม 5 ที่คู่กับศีล 5 ให้ในใจลูกก่อนดังนี้
---1.เมตตา มีความรักต่อคนและสัตว์ทั่วไป
---2.สัมมาชีพ ทำมาหากินในทางสุจริต
---3.สทารสันโดษ หรือกามสังวร ยินดีเฉพาะในคู่ครองของตน
---4.สัจจะ มีความสัตย์จริงหรือซื่อสัตย์ต่อกัน
---5.มัชวิรัติ หรือเจริญสติ เว้นจากสิ่งมึนเมา
*เมื่อเรามีเบญจธรรม 5 ข้อนี้แล้ว
---มันจะคุ้มครองศีล 5 ไว้ได้เอง นั่นก็คือ เราจะไม่รักษาศีล 5 ก็ได้ เพราะเบญจธรรมเหนือกว่าศีลมากมายนัก เช่น เมตตาซึ่งคู่กับศีล ข้อ 1 เรายังไม่คิดจะฆ่าแม้แต่มดหรือยุงตัวเล็กๆ แล้ว เราจะไปฆ่าคนได้อย่างไร
---แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไป เอาแค่ไม่ฆ่าคนก็น่าจะพอแล้ว เพราะบางอาชีพก็ยังต้องฆ่าสัตว์เล็กๆ เพื่อเป็นอาหารอยู่ เอาแค่ไม่ฆ่าคนเสียได้คุกก็จะว่างนักโทษขึ้นอีกแยะเลย แต่ถึงแม้ว่าเราจะมีศีล 5 แล้ว เราก็ยังไม่อาจจะปลอดภัยนัก สักวันหนึ่งเราอาจจะเผลอไปล่วงศีลเข้าก็ได้ ทางที่ดีนอกจากเราจะมีธรรม 5 แล้ว ก็ควรที่จะละเว้นจากอบายมุข 5 เสียด้วย คือ
---1.การดื่มน้ำเมา (รวมทั้งสิ่งเสพติดต่างๆ)
---2.การเป็นคนเจ้าชู้
---3.การเล่นการพนัน
---4.การคบมิตรชั่ว
---5.การเกียจคร้าน
---โดยเฉพาะใน 3 ข้อหลังนี่สำคัญมาก ใน 2 ข้อแรกมีอยู่ในศีล 5 แล้ว และที่อยากจะเน้นเป็นพิเศษกว่าข้ออื่นๆ ก็คือ การคบคนชั่ว คนทุจริตหรือคนพาลเป็นมิตร นี่จะเป็นสะพานไต่ไปสู่ความผิดและความชั่วต่างๆ ได้สารพัด การเลือกคบแต่เพื่อนที่ดีจึงเป็นบันไดขั้นแรก ที่พ่อแม่ควรจะสอนให้ลูกสำนึกไว้ก่อนที่ลูกจะออกไปสู่โลกกว้าง หรือพ้นจาก อกของพ่อแม่
---เหตุเพราะว่า ลูกไม่อาจที่จะอยู่คนเดียวในโลกได้ เพื่อนฝูงจึงมีความจำเป็นที่ลูกจะต้องคบหา แม้ระดับโรงเรียนชั้นประถมหรือเพื่อนบ้านก็ตามที แม่จึงควรที่จะให้ความรู้แก่ลูกว่าเพื่อนที่ดีและชั่วนั้นต่างกันอย่างไร ชี้ให้ลูกเห็นความแตกต่าง ที่ลูกได้คบเพื่อนดีหรือชั่ว และจะดูหรือแยกได้อย่างไรว่าใครจะเป็นเพื่อนดีหรือเพื่อนชั่ว
---พ่อแม่ที่ดีของลูก จึงไม่ควรที่จะละเลยในข้อนี้ ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกว่าศีล 5 หรือธรรมข้ออื่นๆ เสียด้วยซ้ำไป เพราะว่าถ้าลูกไปคบกับคนพาลหรือมิตรชั่วเข้าแล้ว ทั้งศีลและธรรมก็อาจละเมิดเสียได้ทุกข้อเชียวแหละ เพราะความใกล้ชิด ความเกรงใจ ความเห็นใจ ลูกเราก็เลยต้องยอมทำตามเพื่อนไปหมดทุกอย่าง แม้ว่าในครั้งแรกๆ ลูกอาจจะไม่เต็มใจ หรือนึกรังเกียจอยู่บ้าง แต่พอทำตามหลายๆ ครั้งเข้า มันก็จะเกิดความเคยชินไปเองจนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา การป้องกันไว้ก่อนจึงย่อมจะดีกว่าไปคิดแก้ในภายหลัง
---ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกดีๆ มาเกิด พ่อแม่ก็ควรจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งและมีศีล 5 รองรับไว้ก่อน ลูกที่ดีจึงจะมาเกิดกับเราได้ ถ้าเราไม่มีพระรัตนตรัยเป็นสรณะและไม่มีศีล 5 ลูกที่ไม่ดีก็ย่อมจะมาเกิด เรียกว่า ดีดูดดี และชั่วดูดชั่ว ว่างั้นเถอะ
*ลูกที่เชื่อฟังพ่อแม่เป็นลูกที่ประเสริฐ
โย จ ปุตฺตนมสฺสโว
ขัตติยสูตร 15/10
---การเลี้ยงลูกที่ถูกธรรม ย่อมจะไม่ก่อปัญหาทั้งแก่ลูกและพ่อแม่ แต่ถ้าเกิดมีปัญหาขึ้นมา ไม่ว่าในส่วนรูปธรรมหรือนามธรรมในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ตาม นั่นย่อมจะเป็นภาพลักษณ์ ที่ฟ้องอยู่ในตัวเองแล้วว่าได้เกิดมีการปฏิบัติที่ผิดธรรมขึ้นแล้ว.
..............................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อ
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 29 กันยายน 2558
แก้ไขแล้ว ป.
0 ความคิดเห็น