นางห้าม..แห่งขอมโบราณ
---อาณาจักรขอมหรือแขมร์ เป็นอาณาจักรที่เคยเจริญรุ่งเรืองอย่างมากในช่วงพุทธศตวรรษที่ 15-19 สิ่งที่ยืนยันถึงความความยิ่งใหญ่ของขอมในอดีต คือ นครวัด และนครธม ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของขอมมาก่อน ซึ่งสมัยยุคพระนครนั้นอาณาจักรขอมกินพื้นที่อาณาบริเวณจำนวนมหาศาล คือ กัมพูชาทั้งประเทศ ไทย ลาวเกือบทั้งประเทศ พม่าและเวียดนามบางส่วน กินไปจนถึงจีนตอนใต้บางส่วน มีเมืองขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้อาณาจักรขอมได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุษาคเนย์ ในช่วงเวลาดังกล่าว
---จากความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมทำให้กษัตริย์ผู้เป็นองค์สมมติเทพอันได้รับคติความเชื่อมาจากฮินดู มีอำนาจล้นฟ้าจะทำการสิ่งใดก็ได้ภายในอาณาจักรตน เป็นวาจาอาญาสิทธิ์ ซึ่งนอกจากอำนาจ ดินแดน ทรัพย์สินเงินทอง ข้าราชบริพาร ที่มีมากอย่างล้นเหลือแล้ว สิ่งหนึ่งที่กษัตริย์ขอมอยากครอบครอง คือ สตรี นั่นเอง
---ในราชสำนักขอมโบราณกษัตริย์จะมีมเหสี1 องค์ ส่วนพระสนมนั้นมีได้ไม่จำกัดจำนวน นักประวัติศาสตร์กล่าวว่าสนมในอาณัติของกษัตริย์เขมรโบราณมีไม่ต่ำกว่า1,000นาง ซึ่งมาจากมากมายหลายที่ ทั้งที่กษัตริย์หมายปอง และสตรีที่ถูกนำตัวมาถวาย รวมถึงเชลยศึกจากเมืองต่างๆ โดยมีทั้งสตรีสามัญชนและสตรีสูงศักดิ์
---หญิงจากเมืองต่าง ๆ จะถูกปลดเปลื้องผ้าสไบออกให้เห็นเนินอกและปทุมถันตามแบบจารีตขอม นางใดที่ไม่ทำตามหรือขัดขืนไม่ยอมเป็นนางห้าม จะถูกลงโทษทัณฑ์ด้วยวิธีต่างๆ เช่น
- ใช้ช้างกระทืบกลางหน้าอกจนตาย
- ตัดลำตัวให้ขาดเป็นสองท่อน
- โยนลงบ่อจระเข้
- ต้มในน้ำเดือดจนตาย
- ใช้สิ่วตอกเพื่อเปิดกระโหลกให้แร้งกา จิกกินสมอง
- กรีดเนื้อเอาเกลือทาจนตาย
- เฉือนเนื้อส่วนต่างๆให้ตัวเองกินจนกว่าจะตาย
- ใช้สิ่วตอกอวัยวะเพศให้ทะลุมดลูกจนตาย
- โยนเข้ากองไฟในขณะมีชีวิต
- ใช้ไม้ไผ่แหลมขนาดเท่าแขน สวนทวารหนักให้ทะลุปาก เป็นต้น
---หลังพวกนางถูกประหารชีวิตแล้ว พราหมณ์เจ้าพิธีกรรมจะทำการจองจำวิญญาณเพื่อให้เป็นบาทบริจาริกาของกษัตริย์ไปชั่วกาลปาวสานโดยการสะกดวิญญาณไว้ในรูปสลักนางอัปสรา ที่ปรากฏตามปราสาทหินต่างๆนั่นเอง เหตุนี้จึ่งทำให้รูปนางอัปสรเหล่านี้ ดูราวกับสามารถออกมาร่ายรำในคืนพระจันทร์เต็มดวงได้อย่างน่าฉงน วิญญาณของสตรีที่ถูกลงทัณฑ์จะถูกจองจำในรูปสลักนางอัปสราไปชั่วกาลปาวสาน
--ส่วนนางที่รอดจากการประหารใช่ว่าจะมีชีวิตที่สุขสบายนะครับ ไม่ว่าจะเป็นสตรีสูงศักดิ์จากเมืองหรือสตรีสามัญชน พวกนางต้องถูกสักหน้าผากทำงานหนักยิ่งกว่าทาส และมีสถานะเป็นหญิงกลางเมือง คือตกเป็นสมบัติกลางเมืองแก่ชายทั่วทั้งอาณาจักร อย่าหวังว่าจะได้เงยหน้าอ้าปาก ถามหาเกียรติยศศักดิ์ศรีคืนกลับมาอีกเลย เพราะจักต้องปรนเปรอความใคร่ ตั้งแต่ชายชั้นสูง ขุนนาง ชายต่างชาติอีกมากหน้าหลายตา รวมถึงชายชั้นเลวทั้งหลาย ซึ่งเมื่อเห็นเหล่านางที่ถูกสักหน้าผากที่ใดสามารถนำมาปรนเปรอได้โดยไม่ผิดอาญาหลวง
---การกระทำการทารุณยิ่งกว่าสัตว์นี้ เป็นเหตุให้สตรีไม่กล้าขัดขืนที่จะเป็นนางห้ามของกษัตริย์ขอมโบราณ นอกจากนี้ยังทำให้อาณาจักรใหญ่น้อยต่างยำเกรงในความเหี้ยมโหดแลป่าเถื่อนเยี่ยงสัตว์เดียรัจฉานก็มิปานของขอมด้วย
*เมื่อพูดถึงเหล่านางสนมธรรมดาแล้ว ผมนึกถึงตำนานที่เล่าขานถึงสตรีนางหนึ่งที่มีบทบาทต่อราชสำนักขอมโบราณอย่างมาก
---นางผู้นี้มีชื่อว่า "กังสตาลวาตีศรีสุริยวรมัตตรา" ความชั่วร้ายของนาง เป็นที่กล่าวขานไปทั่วพระนครธมแห่งนี้ ความที่นางสามารถบงการแก่องค์สมมติเทพให้ตกอยู่แก่อาณัติแห่งนางได้ นางนั้นไซร้มีหน้าที่ถวายคำแนะนำแก่องค์อัครราชาธิราช ตลอดจนถึงเป็นครูสอนเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ให้แก่พระองค์ด้วย
---แม่ย่านางกังสดาล มีหน้าที่ควบคุมกฎเกณฑ์ในราชสำนักขอม ประมาณยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือก่อนหน้านั้น นางมีหน้าที่ควบคุมความเป็นไปในราชสำนักขอมในเวลานั้นแต่นางหาได้เปิดเผยตัวเท่านใดนัก ที่พำนักแห่งนาง ก็คือ "ภูกระดิ่ง"
---นางมีประตูเชื่อมกาลเวลาเดินทางไปมาได้ราวกับล่องหนหายตัว ประตูนี้เชื่อมโยงทวีปต่าง ๆ ทั่วโลกเข้าด้วยเป็นวิวัฒนาการที่หายสาบสูญไปเพราะฝีมือของมนุษย์เรานี่เอง ไม่ใช่ว่านางจักมิทรงมีความรักแต่นางอาจจะอายุยืนเกินไปที่จะผูกพันกับผู้ใดได้โดยง่าย
-----------------------------------------------------------------------
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
ที่มา...https://www.gotoknow.org/posts/504329
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัปเดท วันที่ 21 ก.ย. 59
ความคิดเห็น