การสักที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ
นพ.สมศักดิ์ ตันรัตนากร (รวบรวม)
---วัตถุประสงค์ของการสัก ผู้ชายบางคน จะสักยันต์ด้วยเหตุผล ทางเวทมนต์คาถา เพื่อความแข็งแกร่งของจิตใจ และต้องการอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นประเพณีนิยมในชนบางกลุ่ม การสักลักษณะนี้จะสักให้เฉพาะชายฉกรรจ์เท่านั้น การสักมีลักษณะที่สอดแทรกไว้ด้วยความเชื่อและพิธีกรรมหลายอย่าง เช่น ก่อนทำการสักจะต้องมีการทำพิธีไหว้ครู ในการสักนั้นก็จะประกอบด้วยการร่ายเวทมนต์ โดยอาจารย์สักจะถูผิวหนังของผู้มาสักทั้งก่อน ขณะสักลายหรือสักยันต์ และหลังจากสักเสร็จแล้ว อาจารย์สักแต่ละคนจะมีรูปแบบของลวดลายเป็นของตนเอง และผู้ที่ต้องการจะสักสามารถเลือกลายที่อาจารย์มีอยู่ได้ตามต้องการ
---ส่วนมากจะเป็นสัตว์ในเทพนิยาย และ เป็นอักษรขอมและเลขยันต์ อาจจะสักลายทั้งสามประเภทผสมกัน ดังนั้นลายสักของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน การสักในประเทศไทยอาจจะมีมาแต่โบราณ แต่จะมีมาตั้งแต่สมัยใดไม่มีหลักฐานชัดเจน การสักยันต์เพื่อให้อยู่ยงคงกระพันนั้นเชื่อว่ามีมานานแล้ว ดังปรากฎในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนและวรรณกรรมอื่นๆ แต่การสักมักมองว่าเป็นเรื่องของนักเลง ถูกมองไปในทางลบ ทำให้ศิลปะบนผิวหนังประเภทนี้เกือบจะสูญไปจากสังคมไทย
--- เหตุผลที่การสักยังคงมีอยู่คือ หลาย ๆ คนยังเชื่อว่าการสักจะทำให้มีโชคและอยู่ยงคงกระพันพ้นอันตราย รูปแบบของการสักแต่ละชนิดจะมีความขลังที่แตกต่างกัน ลายสักหรือยันต์บางชนิดสามารถช่วยผู้ที่สักให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยุ่งยากได้ สัญลัษณ์บางอย่างของลายสักสามารถทำให้ผิวหนังเหนียวได้ ศัตรูยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า เชื่อว่าการสักจะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้
-- นอกจากนี้ การสักทางไสยศาสตร์ยังเชื่อมโยงกับการระวังอันตรายและความปลอดภัย ทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่าง ๆ ศิลปะชาวบ้านประเภทนี้ อาจจะกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจ มันอาจเป็นเครื่องแสดงความจริงต่าง ๆ วัฒนธรรมสมัยใหม่นั้นเมื่อมองแล้วอาจจะไม่ทำให้ปลอดภัย ส่วนวัฒนธรรมการสักยันต์จึงช่วยให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย เป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจเขามีความมั่นใจ มั่นคงมากยิ่ง ๆ ขึ้น
---ลายสักยอดนิยม ลวดลายสักแต่ละสำนัก แต่ละครูอาจารย์มักจะมีความคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ เช่น ลายหนุมาน ลายเสือเผ่น ลายมังกร ลายยันต์ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ จะแตกต่างกันที่รายละเอียดในส่วนปลีกย่อยเท่านั้น เช่น ถ้าเป็นลายหนุมาน แต่ละอาจารย์ก็จะคงรูปร่างลักษณะและโครงร่างของหนุมานไว้แต่จะมีความแตกต่างกันที่รายละเอียดของนิ้วมือ นิ้วเท้า และเครื่องประดับของหนุมาน เป็นต้น
---ในปัจจุบัน ลวดลายที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในบรรดาผู้ที่นิยมการสักคือ ลวดลายสักที่ให้ผลทางไสยศาสตร์ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ เพื่อผลทางเมตตามหานิยม และเพื่อผลทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีให้แคล้วคลาดจากของมีคม อุบัติเหตุ หรืออันตรายทั้งปวง ถ้าเป็นการสักเพื่อผลทางเมตตามหานิยมมักจะสักเป็นรูปจิ้งจกหรือสาริกา เพื่อเป็นตัวแทนของความมีเสน่ห์เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป โดยเฉพาะให้ผลดีทางการเจรจาค้าขายทำให้เจริญรุ่งเรืองทำมาค้าขึ้น
---ส่วนลายสักเพื่อผลทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี จะนิยมสักลวดลายซึ่งเป็นตัวแทนความดุร้ายความปราดเปรียว ความสง่างาม ความกล้าหาญ ได้แก่ ลายเสือเผ่น หนุมานคลุกฝุ่น หงส์ และลายสิงห์ เป็นต้น หรือเป็นลายที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภยันตราย เช่น เก้ายอด ยันต์เกราะเพชร หรือลายยันต์ชนิดต่าง ๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นแก่นแท้ ของการสักเพื่อผลทางไสยศาสตร์และถือกันว่าเป็นหัวใจของการสัก คือ หัวใจของคาถาที่กำกับลวดลายสักแต่ละลายอยู่ เพราะสิ่งนี้คือเคล็ดลับวิชาคาถาอาคมที่เป็นวิชาชั้นสูงของแต่ละอาจารย์สักที่จะไม่ เปิดเผยให้แก่ผู้ใดเป็นอันขาด นอกจากลูกศิษย์ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รับถ่ายทอดวิชาสักของอาจารย์ สืบไป
---นอกจากนั้น ยังมีผู้นิยมสักเพื่อความสวยงาม ซึ่งการสักเพื่อความสวยงามจะไม่เกี่ยวข้องกับกับการเพื่อผลทางไสยศาสตร์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นการสักเฉพาะรูปสวยเฉยๆ ไม่มีการลงหัวใจของอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ หรือลงอักขระกำกับรูปภาพ ลวดลายสักจึงมักขึ้นอยู่กับความต้องการหรือรสนิยมของผู้สัก เช่น รูปผู้หญิงเปลือย ผีเสื้อ ดอกไม้ หัวใจ ฯลฯ โดยรูปภาพเหล่านี้จะบอกนิสัยใจคอของผู้สักหรือบอกอดีตที่เป็นความประทับใจหรือความทรงจำของผู้สักที่ต้องการประทับตราไว้กับตัวเขาตลอดไป เช่น ชื่อคน ชื่อประเทศ วันเดือนที่สำคัญ เป็นต้น
---ลายสักดังกล่าวจะต้องถูกสักอยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควร ไม่เช่นนั้นความขลังจะไม่เกิด โดยมากผู้มาสักประสงค์จะให้ลายสักอยู่ภายในร่มผ้ามากที่สุด ตำแหน่งที่นิยมสักเรียงตามลำดับดังนี้คือ หลัง หน้าอก คอ ศีรษะ ไหล่ แขน ชายโครง หน้า มือ และหัวเข่า แวดวงคนสักลาย เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการสัก คือ เพื่อผลทางไสยศาสตร์ จึงต้องสักโดยครูอาจารย์ที่มีวิชาอาคมศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะเท่านั้น ฆราวาสหรือบุคคลธรรมดาที่ไม่มีวิชาความรู้ทางด้านนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ ครูและอาจารย์และช่างสักส่วนใหญ่จึงเป็นพระภิกษุ หรือเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลทั่วไป และความศักดิ์สิทธิ์ของการสักก็มักจะได้รับการทดสอบจนเห็นผลเป็นที่ร่ำลือมาแล้ว
---ผู้ที่มีลายสักจำนวนไม่น้อยที่อยากจะลบรอยสักทิ้ง อาจด้วยความรู้สึกว่าเมื่ออายุมากขึ้นลายสักบนผิวหนังกายทำให้แลดูสกปรกเลอะเทอะ หรือทำให้คนตั้งข้อรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ เป็นต้น ในบางรายก็ค้นพบด้วยตนเองว่าการสักไม่ได้ให้ผลทางไสยศาสตร์แก่ตนแต่อย่างใด เพราะความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันทำให้ไม่สามารถยึดถือปฏิบัติสัจจะที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดได้ ทว่า การลบรอยสักนั้นเป็นไปได้ยากมากเพราะหมึกที่ใช้สักถูกฝังลึกเข้าไปถึงชั้นของหนังแท้
---ถ้าลบออกจะทำให้เกิดแผลน่าเกลียดแต่ก็อาจทำได้โดยกรรมวิธีศัลยกรรมตกแต่ง คือ ลอกผิวหนังตรงที่มีรอยสักทิ้งไปแล้วเอาผิวหนังส่วนอื่นของร่างกายปะไว้แทน แต่ก็จะเป็นรอยแผลเป็นอยู่ดี ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าการที่จะลบรอยสักโดยไม่ให้เหลือร่องรอยปรากฎอยู่เลยนั้น…ทำไม่ได้
---ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้คนจำนวนหนึ่งหันไปใช้วิธีสักด้วยน้ำมันแทนการสักด้วยน้ำหมึก เพื่อจะได้มองไม่เห็นลวดลายและตัดปัญหาเรื่องการลบรอยสักออกภายหลังเมื่อไม่ต้องการ การสักในลักษณะนี้จึงทำให้ลวดลายที่สวยงามวิจิตรบรรจงและสื่อความหมายในรูปแบบต่าง ๆ ที่นิยมกันมาตั้งแต่ดั้งเดิมสูญหายไปทีละน้อย ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ความคิดความเชื่อหลาย ๆ อย่างเสื่อมถอยไป แต่ลายสักก็ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของบุคคลหลายกลุ่ม แต่จะยึดยาวนานไปสักเท่าใดนั้น ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
---ตำนานการสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่น เป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของเมืองไทยที่มีผู้คนรู้จักและพากันหลั่งไหลมาสักยันต์กันมากที่สุดแห่งหนึ่ง กระทั่งสักไม่ทันต้องประสิทธิ์วิชาให้พระสงฆ์ที่เป็นศิษย์หลายรูป ทำการสักแทน และเมื่อสักแล้วหลวงพ่อต้องเสกเป่าให้อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ผู้ที่มาสักเกิดความมั่นใจยิ่งๆ ขึ้น
---รูปอักขระเลขยันต์ที่หลวงพ่อเปิ่นสักให้นั้นมีความหมายทุกตัวอักขระ รูปลักษณ์ต่างๆ หลวงพ่อจะประสิทธิ์ประสาทให้แก่ทุกคนที่มาขอรูปยันต์ที่สักให้อาจจะไม่เหมือนกันหมด แล้วแต่หลวงพ่อจะดูว่าผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน อักขระรูปลักษณ์ที่สักกันส่วนมากจะใช้ คือ ยันต์หอมเชียง (พระพุทธ ๑๐๘ ) ยันต์เก้ายอด ยันต์งบน้ำอ้อย ยันต์แปดทิศ ยันต์สายสังวาลย์ ยันต์หนุมานออกศึก ยันต์หนุมานอมเมือง
---ยันต์พ่อแก่ฤาษี ยันต์แม่ทัพ ยันต์ดำดื้อ ยันแดงดื้อ ยันต์เสือเผ่น ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า (หมวกเหล็ก) ยันต์นกสาลิกา ยันต์จิ้งจกสองหาง ยันต์องค์พระพุทธ ยันต์ราชสีห์ ยันต์เกราะเพชร ยันต์หมูทองแดง ยันต์ปลาไหล ยันต์ดอกบัว ยันต์พระราหู ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์ลิงลม ยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ยันต์พญาหงษ์ ยันต์ไตรสรณาคมน์ ยันต์หัวใจต่างๆ ฯลฯ
*ขั้นตอนการสักยันต์
---เริ่มด้วยหาดอกไม้ ธูปเทียน และค่ายกครู ๒๔ บาท มาขึ้นครูกับพระอาจารย์ที่สัก จากนั้นก็เลือกยันต์รูปลักษณ์ต่างๆ ที่จะสัก อาทิ รูปเสือเผ่น หนุมาน เก้ายอด ฯลฯ เมื่อเลือกแบบได้แล้วก็จุดตะเกียงน้ำมันก๊าด เอาพิมพ์รมควันให้เขม่าจับแบบพิมพ์ จากนั้นก็กดพิมพ์บนผิวหนังบริเวณที่สัก การสักบางยันต์ก็ใช้วิธีเขียน โดยใช้หมึกจีนตีเส้น วาดไปบนผิวหนังก่อน ยันต์บางรูปสักโดยไม่ต้องใช้แม่พิมพ์ เครื่องมือที่ใช้ในการสักยันต์ ใช้เหล็กแหลม ปัจจุบันได้ใช้ก้านร่มผ่าปลายฝนปลายจนแหลม
---การสักยันต์ลงอักขระเลขยันต์มีอยู่ ๒ อย่าง คือ การสักน้ำมัน ส่วนมากจะใช้น้ำมันจันทร์หอมแช่ว่านหรือน้ำมันงาขาว บางสำนักจะผสมน้ำมันช้างตกมัน น้ำมันเสือโคร่ง การสักน้ำมันคนสมัยนี้นิยมกันมาก เพราะเป็นการสักยันต์โดยร่างกายไม่มีลวดลายให้เห็น เมื่อรอยสักตกสะเก็ดเนื้อก็สมานเป็นเนื้อเดียวกัน
---การสักหมึก นิยมใช้หมึกจีนมาฝนกับน้ำพุทธมนต์ สมัยก่อนนิยมหาดีเสือ ดีหมี ดีงูเห่าเป็นส่วนผสม
---มาถึงขั้นตอนการลงเข็มสักยันต์ อาจารย์ผู้สักจะให้ลูกศิษย์กดผิวหนังที่จะสักให้ตึง แล้วใช้เข็มสักแทงตามรูปแบบพิมพ์นั้น ปากก็บริกรรมคาถาไปตลอดเวลาที่สัก เป็นการส่งกระแสถ่ายทอดพระเวทลงไปในรูปยันต์นั้น ระยะเวลาสักยันต์ แล้วแต่รูปยันต์ที่สัก
---ข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์ ประกอบด้วย ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกิน น้ำเต้า มะเฟือง ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว ๕.ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ทำแต่กรรมดี
*อุปเท่ห์ของผู้ที่สักยันต์
---จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณอย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว
---ตั้งแต่นางเอกสาวบู๊เซ็กซี่ของฮอลลีวูด แองเจลินา โจลี ที่เจาะจงมาเมืองไทยเพื่อสักยันต์กับอาจารย์หนูจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ถือเป็นการปลุกกระแสการ "สักยันต์" ให้กลับมาฮิตอีกครั้ง เพราะตอนนี้ทั้งดารา นักธุรกิจตลอดจนข้าราชการและคนทำงานทั่วไปแห่กันไปสักยันต์กันจนต้องวิ่งไปจองคิวตั้งแต่เช้าตรู่ ยันต์ยอดฮิตที่นิยมสักกันมีอะไรบ้าง และข้อห้ามของการสักยันต์มีอะไร ลองไปไขปริศนากันดู
---การสักยันต์ในอดีต ทำเพื่อป้องกันตัว สำหรับผู้ชายที่ต้องไปออกรบเพื่อกู้ชาติบ้านเมือง เปรียบเป็นเครื่องรางของขลังอย่างหนึ่งของนักรบ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ยาวมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้แต่สงครามเอเชีย-บูรพา เพราะคนเชื่อว่า ถ้าสักยันต์แล้ว มนตรา อำนาจแห่งรอยสักจะช่วยคุ้มครอง และป้องกันภยันตรายจากคมมีด คมดาบ หรือลูกกระสุนได้ ดังเช่นภาพยนตร์ที่นำมาจัดทำเพื่อให้เห็นอำนาจแห่งรอยสัก อย่างจอมขมังเวทย์ หรือมหาอุตม์
---จนเวลาล่วงมาถึงยุคที่เมืองไทยไม่มีสงคราม เข้าสู่ยุคขาโจ๋ที่มองการสักเป็นเรื่องของแฟชั่นหรือเป็นงานศิลปะบนเรือนร่างที่มีไว้เพื่อเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้ามมากกว่าจะมองเป็นเรื่องคาถาอาคม ดังนั้นลวดลายสักของขาโจ๋จึงไม่เหมือนลายสักยันต์โดยสิ้นเชิง รวมถึงไม่มีการลงคาถาอาคมด้วย เพราะส่วนมากจะเป็นลายศิลปะงดงามอ่อนช้อยหรือเป็นลวดลายงานศิลปะของพวกเมาลีที่แลดูสวยงามและแปลกตา พวกที่รับจ้างสักจึงกลายเป็นพวกศิลปินที่ร้านเล็ก ๆ ตามย่านชุมชนใหญ่ ๆ ส่วนพื้นที่ที่นิยมสักของวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคใหม่ก็จะหันมาสักบนเรือนร่างที่สามารถโชว์รอยสักได้ถ้าดูแล้วเซ็กซี่ยิ่งถูกวัตถุประสงค์ของการยอมลงทุนเจ็บตัวทีเดียว อย่างเช่น สะโพก เนินอก ไหล่ หน้าท้อง สะดือ ข้อเท้า เป็นต้น
"คนดัง" แห่สักยันต์
---จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ กระแสการสักยันต์ดูจะกลับมาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำนักอาจารย์หนู กันภัย ที่ขึ้นชื่อลือมานมนาน ผู้ที่จุดพลุกระแสการสักยันต์ขึ้นมาใหม่นั้นคงต้องยกให้ดาราฮอลลีวูดชื่อก้องโลก อย่าง แองเจลีนา โจลี นางเอกภาพยนตร์ "ทูมไรเดอร์" ที่ดอดบินมาเมืองไทยมุ่งตรงมาสักยันต์กับอาจารย์หนู โดยดาราสาวบู๊คนนี้เธอเปิดหัวไหล่ด้านซ้ายให้อาจารย์หนูลงอักขระขอม 5 แถว เป็นยันต์ "หนุนดวง" จะทำให้มีโชคลาภและป้องกันอุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และอีกแห่งคือ ก้นกบสักรูปเสือโคร่งพร้อมอักขระขอมเป็นยันต์หัวใจมหาเศรษฐี
---แต่เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าพระเอกสุดหล่อหน้าหวานของฮอลลีวู้ดอย่างแบรด พิตต์ ที่เคยรักกันจี๋จ๋ากับเจนิเฟอร์ อานิสตัน จนกลายเป็นคู่ที่ใครต่อใครต้องอิจฉา แต่พอแองเจลีนา เปิดรอยสักให้พระเอกหน้าหวานดูจนโดนนะจังงังถึงกับยอมหย่ากับภรรยาคนสวยทันที แต่ทั้งหมดยังเป็นหนึ่งในสมมุติฐานของการสะบั้นรักของคู่รักคู่ร้างคู่นี้ เพราะยังไม่มีใครออกมาเปิดปากพูดเรื่องจริง
---อีกกระแสข่าวเกิดขึ้นที่เมืองไทย เมื่อพชร แก้วเพชร พระเอกหนุ่มนักแสดงที่งานไม่มีแถมดวงยังตกอีกต่างหาก เมื่อได้ยินว่าแองเจลินามาสักยันต์กับอาจารย์หนู ก็เลยชวนแม่มาสักบ้างเพื่อหวังให้การงานเจริญก้าวหน้า และล่าสุดนก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช พระเอกที่เล่นภาพยนตร์เรื่อง"จอมขมังเวทย์" ก็เลือกอาจารย์หนูให้มาสักยันต์เต็มตัวเพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่อง
*รับ"สัจจะ"ก่อนสักยันต์
---อาจารย์หนู ยืนยันว่ากระแสของคนดัง ดารา หรือภาพยนตร์ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการสักยันต์ "ดารา-นักแสดงก็เป็นกระแสหนึ่งที่ทำให้การสักยันต์กลับมาเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นดาราจากต่างประเทศ หรือดารา-นักร้องในเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็มาสักหมด รวมถึงพ่อค้าและคนทำงานบริษัทที่ต้องการความก้าวหน้า
---แต่ถ้าใครมาสักกับอาจารย์แม้จะต้องเหนื่อยยากกับการรอคิวที่ยาวเหยียด และการเจ็บปวดในขณะสักแล้ว หัวใจสำคัญที่อาจารย์หนูเน้นย้ำก่อน ที่จะสักกับทุกคน คือ
--- "ต้องเตรียมใจมาว่า หนึ่ง รับได้ไหมถ้าสักแล้วต้องอยู่ในศีลในธรรม มาสักแล้วใช่ว่าจะไปตีรันฟันแทงกันได้ ต้องไม่ผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่ผู้คิดจะสักต้องรู้ เพราะที่นี่จะสักของคุณพระ ไม่ใช่เป็นการสักเล่นๆ สักแล้วก็ต้องลงอาคมทุกครั้ง"
---ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ที่ อาจารย์หนู ได้เผยแพร่ความนิยมในการสักยันต์ เพราะเดี๋ยวนี้ชื่อเสียงของอาจารย์หนูโด่งดังไปถึงต่างประเทศขนาดที่มีการเชิญอาจารย์หนู บินไปสักกันถถึงเมืองนอกอยู่เป็นประจำ
--- "อาจารย์เดินทางไปต่างประเทศ ทุกครึ่งเดือน ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงคโปร์ หรือไต้หวัน ผู้คนในต่างประเทศก็สนใจการสักยันต์ไม่ต่างจากคนไทยเหมือนกัน แต่การสักยันต์นี่เป็นของพุทธ หากคนศาสนาอื่นสนใจที่จะสัก อาจารย์ก็มีล่ามแปลประวัติการสักยันต์ของไทยและพุทธศาสนาก่อน เพราะการสักยันต์ต้องมีการไหว้อาราธนาคุณพระแบบนี้ คุณรับได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ คุณอย่าสัก ปรากฏว่าเค้าก็รับได้ อย่างที่ฮ่องกงนี่ครึ่งประเทศเลยนะที่สัก ทั้งตำรวจและดารานี่เกือบครึ่ง บางคนนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนใหญ่ที่สักแล้วเปลี่ยนจากศาสนาตัวเองมานับถือศาสนาพุทธก็มี อย่างแองเจลินา โจลี เป็นต้น"
---ถึงขนาดที่สื่อมวลชนหลายประเทศบอกว่าอาจารย์หนูเป็นคนนำศาสนาพุทธไปเผยแพร่ เพราะคนที่มาสักก็ต้องเปลี่ยนเป็นพุทธทั้งหมด แต่ในเมื่อคนที่มาสักเข้าใจและยอมรับตามกติกา ความนิยมของการสักยันต์ก็ยังคงสุกสว่างต่อไป
*ข้อจำกัดของผู้รักการสักยันต์
---แต่ใช่ว่าใครอยากจะสักยันต์แล้วเดินมาสำนักของอาจารย์หนูกันได้ทุกคน เพราะอาจารย์หนูตั้งข้อจำกัดกฎเหล็กเอาไว้หนึ่งข้อคือจะไม่สักให้คนที่อายุต่ำกว่า 20 และมีอาชีพเป็นนักศึกษา "สำหรับอาจารย์จะไม่สักให้คนที่อายุไม่ถึง 20 ปี เพราะหากเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนมาสักแล้วอยากลองของ พากันไปตีรัน ฟันแทง มันก็ไม่ถูกต้อง อาจทำให้สังคมเดือดร้อนอย่างที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ ของคุณพระที่ไหนที่ช่วยไม่ได้ ใครที่มาสักอาจารย์จะสกรีนเลย โดยดูตามบัตรประชาชน พร้อมกับสั่งสอนว่า สักแล้วห้ามไปเป็นนักเลงที่ไหน ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน" อาจารย์หนูบอกถึงกฎของการสักอย่างเคร่งครัด
*ลายสักที่นิยม ใช่ว่าเลือกได้เองตามใจชอบ
---การสักยันต์มีทั้งแบบใช้หมึกดำธรรมดาและสักน้ำมัน โดยใช้น้ำมันสมุนไพรว่านร้อยแปด ซึ่งพุทธคุณเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันแค่จะมองไม่เห็นลายสัก เมื่อผู้หลงใหลการสักยันต์ พร้อมที่จะสักแล้ว การเลือกลายสัก ดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อสักยันต์ตามแบบฉบับศาสตร์แห่งคุณพระ ด้วยเครื่องมือสักแบบโบราณในประวัติศาสตร์ที่เขาทำกันมาโดยต้องเรียกอักขระ เรียกนาม เรียกสูตรผนวกกับอาคมที่แกร่งกล้าแบบนี้ยากนักที่จะลบเลือนมันออกไปจากผิวง่ายๆ ดังนั้นการเลือกลาย ผู้ที่ต้องการสักคงต้องปรึกษาอาจารย์หนูอย่างละเอียดรอบคอบ
---โดยลายแต่ละลายนั้นก็มีศาสตร์ที่ต่างกันออกไป "คนที่จะมาสัก ก็ต้องมาคุยกับอาจารย์ก่อนว่า ต้องการสักเพื่ออะไร อาจารย์จะเป็นคนกำหนดให้โดยจะถามก่อนว่า อาชีพการงานเป็นอะไร ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องโชคลาภ เมตตา หน้าที่การงาน อาจารย์จะไม่เน้นเรื่องคงกระพัน เพราะเราจะรู้เมื่อบางคนมาบอกว่า ขอสักเพื่อให้หนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน เราก็จะรู้เลยว่าคนนี้ไปทำอะไรมา และจะไปทำอะไร อาจารย์ก็จะสอนเค้า สอนให้เค้ารู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ดี มันเป็นการขัดเกลาจิตใจอย่างหนึ่งนะ"
---ลายสักยันต์ที่เป็นที่นิยมนั้น ส่วนใหญ่จะแยกตามหน้าที่การงาน ไม่ว่าจะเป็น "ยันต์หนุนดวง" เป็นอักขระขอมโบราณ 5 แถว ความยาว 7 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วครึ่ง โดยแถวแรกเป็นคาถาเมตตามหานิยม แถวที่ 2 เป็นคาถาหนุนดวงชะตา แถวที่ 3 เป็นคาถาแห่งความสำเร็จ แถวที่ 4 เป็นคาถาราศีประจำตัวและแถวที่ 5 เป็นคาถามหาเสน่ห์ ถ้าคนดวงไม่ดี การสักต้องสักเป็นยันต์หนุนดวง เพราะถือว่าเป็นยันต์คุณพระที่มีพลังอานุภาพและสามารถที่จะเกื้อหนุนดวงที่ตกต่ำให้โดดเด่นขึ้นมาได้
---นอกจากนี้ก็มี "ลายหนุมานตัวเก้า" เหมาะสำหรับอาชีพ ราชการ ตำรวจ หรือองครักษ์เพื่อส่งเสริมให้การงานเจริญก้าวหน้า "ลายจิ้งจกคาบถุงเงินถุงทอง" ลายสักนี้เหมาะกับพวกพ่อค้าที่จะช่วย เสริมธุรกิจทำมาค้าคล่อง หรือลาย"พระพิฆเนศ" ที่เหมาะกับ ดารา ศิลปินซึ่งเป็นลายที่ดารา นักแสดงส่วนใหญ่นิยมมาสักกัน
---"ลวดลายต่างๆ ที่นำมาสักนั้นจะยึดแบบลายในอดีตเป็นต้น แล้วอาจารย์ก็จะนำมาทำดัดแปลงให้สวยทันสมัยขึ้น อย่างเช่น สิงห์ สมัยก่อนจะไม่สวย แต่ภาพสิงห์ปัจจุบันสวยกว่าอาจารย์ ก็เลือกเอาภาพสิงห์ในปัจจุบันมาสักให้แทน ซึ่งมันก็คือสิงห์เหมือนกัน ลงอาคมแบบเดียวกัน" อาจารย์หนู กล่าวถึงการพัฒนาลวดลายในการสักยันต์ ที่คนส่วนใหญ่มักคิดว่ามันเป็นแบบโบราณ
---ส่วนตำแหน่งที่ผู้คนนิยมสักยันต์นั้น ทำได้หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นไหล่ซ้าย ไหล่ขวา หรือข้างหลัง แต่ถ้าลงเบื้องต่ำคงไม่เหมาะ
*แง่คิดสำหรับวัยรุ่นก่อนคิดจะสัก
---ใช่ว่าในเมืองไทยจะมีสำนักสักของอาจารย์หนูเพียงสำนักเดียว แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่เป็นทั้งลงอาคมจริง หรือลงอาคมเก้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงต้องเป็นตัวผู้อยากสักเองว่าศรัทธาในการสักยันต์จริง หรืออยากลองของ หรืออยากทำเพื่อตามแฟชั่น
---"วัยรุ่นในสมัยนี้ที่ต้องการสักยันต์หรือลงวิชาอาคม ก็ขอให้ดูด้วย ควรทำในสำนักจริงหรือของแท้ และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่สักแล้วไปเป็นนักเลงหัวไม้ ของคุณพระต้องคุ้มคนดี ถ้าเอาไปใช้ไม่ดีก็ไม่คุ้มหรอก"
---นอกจากนั้น สำนักสักต่างๆ ก็ต้องมีจรรยาบรรณเช่นเดียวกัน เพราะเด็กๆ ที่ยังไม่มีรายได้ แต่อยากสักโดยไม่ได้ยั้งคิด นอกจากทำให้พวกเขาสูญเสียเงินค่าขนมไปโรงเรียนแล้ว ยังต้องมีแผ่นเปื้อนหมึกที่ยากต่อการลบ และต้องเจ็บปวดจากการสัก เรียกว่าทำให้สังคมเดือดร้อน
--- "การสักยันต์ด้วยศาสตร์แห่งคุณพระ ไม่ได้เป็นการสักเพื่อคุณไสย แต่เป็นการสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับตัวเอง ไม่ได้เป็นการสักเพื่อทำร้ายผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นมาหลงรัก ดังนั้น ผู้ที่สนใจการสักยันต์ควรตรองอย่างรอบคอบ และไม่ตามกระแสแฟชั่น" อาจารย์หนูฝากทิ้งท้ายเพื่อให้ทุกคนเข้าใจการสักยันต์อย่างถูกต้อง
*ข้อกำหนดของผู้รับการสัก
---ผู้ที่สักยันต์โดยครูบาอาจารย์ จะต้องมีพิธีไหว้ครูและผู้ที่รับการสักจะต้องรับสัจจะ เพื่อปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ตามข้อกำหนดที่พึงปฏิบัติดังนี้
- ยึดถือคำสัตย์
- ยึดมั่นในศีลจารวัตร
- ควบคุมสติตนเอง
---ทั้งให้ละเว้น หรือห้ามปฏิบัติสิ่งต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด
- ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม เช่น ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ไม่ลักเล็กขโมยน้อย
- ไม่ลุแก่โทสะ หรือกล่าวผรุสวาทต่อบิดามารดา
- ไม่รับประทานอาหารเหลือจากผู้อื่น จากพระ หรือจากงานศพ
- ไม่รับประทานมะเฟือง น้ำเต้า ฟัก และมะพร้าวไฟ
- ไม่ลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
- ไม่ลอดสะพานหัวเดียว สะพานท่าน้ำ
- ไม่นั่งทับครกไม้
- ไม่ให้ผู้หญิงนั่งทับ
*รวมคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับการสักยันต์
---1.ถาม – พอดีว่าหลังจากสักยันต์ไปแล้ว เผลอกินปาท่องโก๋กับเพื่อนตอนเช้า ก้อกินกันสองคน แล้วเพื่อนบอกว่าเอาไปกินเลย เราก้อเอามากิน เรียกว่าของเหลือเดนหรือเปล่าค่ะ แล้วถ้าใช่หนูทำผิดกฎ หนูจะแก้ไขอย่างไรค่ะ เครียดมาก
---ตอบ – ไม่ถือว่าเป็นของเหลือเดนครับ ของที่กินด้วยกันหรือแม้แต่ของที่เค้าเก็บไว้ให้เรา ยังไม่ได้ตั้งใจที่จะนำไปทิ้ง ทานได้ทุกอย่างครับ
---2.ถาม – หนูอยากสักยันต์ค่ะ แต่ อายุยังไม่ยี่สิบ จะสักได้ไหม
---ตอบ – สำนักสักยันต์อาจารย์เหน่ง สักหมึกให้กับคนที่อายุมากกว่า 18 ปีครับ แต่ถ้าอายุยังไม่ถึง 18 ปี ก็สัก แบบน้ำมันไปก่อนได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูกันเป็นกรณีไป เช่น หากคนที่จะเข้ามารับการสักยันต์เคยมีรอยสักมาแล้ว อันนี้บางครั้งก็อาจจะต้องพิจารณากันอีกครั้ง
---3.ถาม - ก่อนอื่นผมต้องขอโทษก่อนครับที่จะถามคำถามนี้ คือว่าผมอยากทราบว่าเข็มที่ใช้สักยันต์เปลี่ยนใหม่ทุกคนหรือเปล่าครับ แล้วหมึกที่ใช้สักยันต์ด้วยครับเปลี่ยนใหม่หรือเปล่า และผมเคยสักยันต์ที่อื่นมาก่อนแล้วไปสักกับ อ.เหน่ง ท่านจะรับผมหรือเปล่า คือผมอยากจะไปสักยันต์กับ อ. เหน่ง มากครับ
---ตอบ - ยินดีต้อนรับนะครับ ถ้าเป็นศิษย์ที่อื่นมาแล้วก็สามารถเข้าเป็นศิษย์สำนักอื่นได้เกือบทุกที่ แหละ รวมถึงสำนักสักยันต์แห่งนี้ด้วย แต่ก็มีบ้างบางสายซึ่งน้อยมาก ที่จะไม่รับคนที่มีครูอยู่ก่อนแล้วเข้าเป็นศิษย์ เช่น สายสาลิโข เป็นต้น เรื่องเข็มสักยันต์อาจารย์ไม่ได้เปลี่ยนครับ เพราะเป็นเข็มครู ไม่เหมือนเข็มสักเครื่องที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่อาจารย์มีวิธีทำความสะอาดเข็มสักยันต์ที่ดี คือหลังสักยันต์นั้นๆ เสร็จ จะล้างหมึกที่ติดปลายเข็มด้วยน้ำเปล่า
---ใครที่เคยมาสักที่นี่คงจะเห็นกระป๋องน้ำใบเล็กๆที่วางอยู่ข้างๆ ที่นั่งอาจารย์ นั่นแหละใบนั้นหละ เสร็จแล้วก็จะแช่แอลกอฮอลล์ที่วางอยู่ข้างตัว จนกว่าจะสักคนต่อไป อาจมีการเปลี่ยนสลับเข็มก็ตอนนี้แหละ เช่น ถ้าคนต่อไปสักน้ำมันก็จะเปลี่ยนมาใช้เข็มสำหรับสักน้ำมัน บางคนสักยันต์ที่ต้องการเน้นเส้นให้ดูใหญ่ หรือใครที่หนังดี อาจารย์ก็จะสลับใช้เข็มที่เหมาะกับเค้า แต่รวมแล้วสลับกันใช้ไม่เกิน 10 เล่ม
---ต้องเข้าใจนะว่าไม่เหมือนเข็มเครื่อง จึงไม่สามารถใช้แล้วทิ้งได้ เข็มสักยันต์จะเป็นเข็มที่กลึงแล้วนำมาผ่าปากให้เป็นร่องหมึก ขั้นตอนการทำและแต่งเข็มให้เหมาะมือ ค่อนข้างยาก เอาหละมาถึงขั้นตอนสุดท้าย ก่อนที่จะลงมือสักยันต์กันเลย ก่อนสักอาจารย์จะนำเข็มมาเผาไฟจนแดง ย้ำนะว่าเผาจนปลายเข็มแดงแล้วนำมาจุ่มแอลกอฮอลล์ เพื่อดับความร้อนอีกที ดังฟู่เลย จากขั้นตอนทั้งหมดนี้มั่นใจได้เลยว่าไม่มีเชื้อโรคหรือไวรัสชนิดใดๆ จะทนอยู่ได้แน่นอน ส่วนมากที่สำนักสักยันต์อื่นไม่นิยมเผาเข็มสักยันต์ อาจมา จากสาเหตุว่า มั่นใจว่าแค่แกว่งหรือจุ่มเข็มในกอฮอลล์ก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้แล้ว
---แต่อย่าลืมนะว่าไวรัสบางตัวสามารถทนอยู่ในแอลกอฮอลล์ได้ถึง 20 นาที เช่น ไวรัสตับ เป็นต้น ส่วนไวรัสเอดส์ จะทนอยู่ในแอลกอฮอลล์ได้ไม่เกิน 1 นาที ประมาณนั้นอีกสาเหตุที่สำนักสักยันต์อื่นไม่นิยมเผาเข็ม คือเข็มจะต้องแต่งบ่อย เนื่องจากความร้อนจะทำให้เข็มที่ใช้สักยันต์ดำไม่น่าดู และมีโอกาสบิดตัวได้ ต้องแต่งปลายเข็มสักยันต์กันบ่อยๆ แต่อาจารย์เหน่งมีสำรองเข็มสักยันต์ไว้หลายเล่มอยู่ พอเล่มไหนที่ต้องแต่ง ก็สลับเล่มอื่นใช้ก่อน ทีนี้มาคุยกันเรื่องหมึกกันต่อ อาจารย์มีสูตรหมึกที่เข้มดำ เวลาสักแล้วลายยันต์ออกมาชัดสวยและจะใช้หมึกแบบคนต่อคน ก็ตวงใส่ฝาใช้เฉพาะคนเลยไม่ใช่เปิดขวดใหญ่แล้วจิ้มเลย
---เพราะเลือดที่ติดปลายเข็มอาจปนไปกับหมึกในขวดได้ จริงอยู่บางคนว่าเชื้อไวรัส เวลามาเจอสารเคมีในหมึกก็ตายแล้ว แต่อาจารย์เน้นความชัวร์มากกว่า อย่างที่บอกไวรัสบางตัวทนได้นาน บางตัวทนได้แป๊บเดียว แถมเรื่องผ้าเช็ดหมึกให้อีกเรื่องละกัน หากใครจะซื้อผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้อาจารย์ใช้ซับเลือดและหมึกจะเป็นการดีมาก เลย เพราะได้ผ้าใหม่แกะกล่องแต่ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องกังวล เพราะอาจารย์ใช้ผ้าซับหมึกแบบคนต่อคนใช้แล้วแยกไว้เลย ตอนเย็นอาจารย์จะนำมาแช่ผงซักฟอก ผสมไฮเตอร์ ทิ้งใว้ 1 คืน ตอนเช้าถึงจะซักตากแดด อีก 1 แดด หายห่วงครับ
---ตามโรงพยาบาล ก็ทำแบบนี้กับผ้าต่างๆ เหมือนกัน อาจไม่มีการแช่ค้างคืนด้วยซ้ำ ถามมานิดเดียวตอบซะยาวเลย ไม่ใช่อะไรหรอกของแบบนี้มันเสี่ยงกันไม่ได้ หวังว่าที่ตอบไปจะช่วยสร้างความสบายใจให้ผู้ที่เข้ามารับการสักยันต์ได้เต็ม 100% อาจารย์ไม่ใช่เอาแต่สักยันต์เพื่อให้ศิษย์มีของดีติดตัวกันเพียงอย่างเดียว แต่รักและเป็นห่วงศิษย์ทุกคนไม่อยากให้ใครต้องเจ็บใข้ได้ป่วยจากการสักยันต์ อกเขาอกเราตัวอาจารย์เองก็เคยเป็นลูกศิษย์มาก่อน เวลาไปสักยันต์ที่ไหนก็จะดูทั้งความเข้มขลังและความสะอาดไปพร้อมๆ กัน ไม่ใช่สักยันต์เสร็จแล้วไม่สบายใจ ต้องมานั่งลุ้น สมัยก่อน อาจารย์ชอบอาศัยว่าไปแต่เช้า เพื่อจะได้คิวแรกจะได้สบายใจหน่อย ตอนนี้เป็นอาจารย์คน ก็เอาประสบการณ์ที่พบเจอมาปรับปรุงใช้กับศิษย์ตัวเอง เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนครับ เดี๋ยวจะนึกว่าสำนักอาจารย์เหน่ง สักสวยอย่างเดียว
---4.ถาม - ถ้าเราสักหมึกแล้วจะไปสมัครงานหรือว่าหางานจะหางานยากไหมคับ เพราะว่าสักหมึกไปคับ เคยได้ยินมาว่าถ้าสักหมึกแล้วเค้าไม่รับเข้าทำงานหรือป่าวคับเพราะผมอยากจะสักยันต์เป็นหมึกสัก 4-5 ลาย รบกวนช่วยตอบด้วยนะคับ
---ตอบ - ถ้าสักหมึกในร่มผ้าก็ไม่เป็นไรนะครับ ส่วนใหญ่แล้วงานบริษัทจะรับหมดแต่ขอให้อยู่ในร่มผ้า ส่วนงานราชการก็เฉพาะตำรวจทหารที่ตรวจรอยสักทั้งตัว นอกนั้นไม่ตรวจครับ
---5.ถาม - ผมอยากรู้ว่า เราจะรู้ได้ยังไง ว่าเราควรจะสักยันต์กับใครดี จะรู้ได้ยังไงว่าอาจารย์สักยันต์คนไหนมีของดีๆ จริงละครับ ไม่อยากโดนหลอก เพราะมันไม่รู้ว่าโดนหลอก แค่อยากรู้ครับ ผมศรัทธานะครับ ศิษย์อาจารย์เหน่งเหมือนกันครับ
---ตอบ - ขอตอบด้วยความจริงใจเช่นกันและจะตอบด้วยความเป็นกลางไม่พาดพิงสำนักสักยันต์ไหนทั้งสิ้น การที่เราสักยันต์ไปนั้นไม่ว่าจะสักจากสำนักไหน แต่เอ๊ะทำไมเหมือนไม่มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเองเลย มีเหตุผลหลายอย่าง เช่น
---1.เจ้าสำนักสักยันต์นั้นๆ ไม่ได้เรียนวิชามาจริง
---2.เจ้าสำนักสักยันต์นั้นปฏิบัติตัวไม่เหมาะสม เช่น กินเหล้าเมายา มักมาก โลภมาก
---3.ตัวผู้รับการสักยันต์เองไม่ปฏิบัติตามกฎของสำนัก
---4.ไม่นับถือครูบาอาจารย์ จนถึงคิดลบหลู่ท้าทายครูบาอาจารย์
---ส่วนใครที่จะเล่าเรียนศึกษาทางด้านนี้ ก่อนอื่นต้องปลงใจให้เชื่อเสียก่อน เมื่อมีความเชื่อ ความศรัทธา บวกกับแรงครูและคาถาอาคม จนถึงสมาธิที่แต่ละท่านฝึกฝนมาย่อมทำให้เกิดพลังงาน ที่สามารถนำไปใช้ทางใดก็ย่อมได้
*เอาหละมาเข้าเรื่องที่ถามกันเลย ที่ถามอาจารย์ว่าเราควรสักยันต์กับใครดี และมีวิธีดูอย่างไรนั้น อาจารย์ขอตอบเป็นข้อๆ เลยก็แล้วกัน
---1.ดูการปฏิบัติตัวของอาจารย์สักยันต์แต่ละท่าน เดี๋ยวนี้สื่อมันเร็วครับ ใครทำอะไรไว้ย่อมเป็นที่รู้และพูดถึงกันไม่มากก็น้อย
---2.เราไม่สามารถดูได้ว่าคนไหนของจริง เรื่องแบบนี้ใครที่ไม่มีญาณก็ดูกันไม่รู้ งั้นเรามาดูกันที่องค์ประกอบภายนอกก็แล้วกัน เช่น
---2.1 อาจารย์ท่านนั้นได้ศึกษาวิชาการสักยันต์มาจากที่ไหน มีหลักฐานหรือไม่ ไม่ใช่มากล่าวแอบอ้างกันลอยๆ และดูด้วยว่าครูบาอาจารย์ที่ท่านเหล่านั้น ศึกษามามีตัวตนอยู่จริง มีชื่อเสียงแค่ไหน อย่าลืมว่าการที่ท่านเหล่านั้น มีชื่อเสียงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนั้น เป็นเครื่องการันตีได้ดี
---2.2 ไม่ใช่กล่าวอ้างว่าศึกษาจากนิมิต หรือมีครูบาอาจารย์มาสอนวิชาให้ในฝัน เรื่องแบบนี้มีจริงแต่ไม่สามารถยืนยันกันได้ครับ แล้วเจ้าตัวจะรู้ได้อย่างไรหละว่า สิ่งที่เห็นเกิดจากแรงครู ไม่ใช่เห็นเพราะผีสางมันมากระทำให้เห็นเป็นต่างๆ เป็นตุเป็นตะ หรือคิดไปเอง
---2.3 ไม่ใช่คนทรงเจ้าเข้าผี ที่พอเวลาเทพลงประทับแล้ว โอโห้ มีวิชาขึ้นมาทันที แต่พอองค์เทพถอยออกแล้ว กลายเป็นคนทั่วไป ไม่ถือศีลเจริญภาวนา ไม่ปฏิบัติตัวให้เหมาะสมกับการเป็นร่างทรง คนทรงเจ้าเก่งๆ ดีๆ มีครับ แต่หาแทบไม่เจอ และชอบแอบอ้างเอาองค์เทพต่างๆมาทำมาหากิน ทั้งๆที่รู้กันอยู่ว่าองค์เทพท่านไม่เสด็จลงมาประทับร่างมนุษย์กันง่ายๆ
---2.4 ย้อนไปพูดถึงหลักฐานกันอีกครั้งแล้วกัน ควรมีหลักฐานที่เชื่อถึอได้ง่ายๆ เลย คือ รูปถ่าย ไม่ใช่เอารูปตอนลงนะหน้าทองแล้วให้ใครถ่ายมาแปะฝาบ้านนะ อย่างนั้นเป็นแค่ศิษย์ทั่วไปเอามาอ้างไม่ได้ครับ แต่ต้องเป็นรูปตอนรับเข็ม รับตำรา หรือรับขันครู
---2.5 มีการไปมาหาสู่ครูบาอาจารย์ที่ร่ำเรียนมาอย่างสม่ำเสมอ และเปิดเผยถ้าท่านเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ ก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีเช่นกัน
---2.6 มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ที่ร่ำเรียนมาอย่างสม่ำเสมอไม่พาดพิงให้เสียหาย ไม่ใช่ปากก็บอกว่าเรียนมาจากท่านนั้นท่านนี้แต่กลับพูดจาให้ร้ายครูบาอาจารย์ หรือไม่เคยไปมาหาสู่เลย
---3. มีความเมตตาต่อลูกศิษย์ ไม่เลือกที่รักมักที่ชังไม่ว่ารวยหรือจน รวมถึงไม่ซ้ำเติมผู้ที่เดือดร้อน หรือเรียกร้องมากจนเกินจำเป็นโดยอ้างความจำเป็นสารพัด พอใครไม่มีเงินพอก็ไล่ส่งและคำว่าเมตตานั้นหมายรวมถึงเรื่องอื่นด้วย เช่น การพูดจาที่มีเมตตาต่อศิษย์ ไม่ใช่พูดคำด่าคำ หรือสักไปด่าไป พูดจาเป็นนักเลงโต โอ้อวดตัวเอง อย่าลืมนะครับว่าถ้าคนเป็นครูบาอาจารย์จริงๆ กว่าจะมาเป็นได้ท่านเหล่านั้นต้องผ่านการฝึกฝน เจริญสมาธิภาวนา เคร่งครัดในศีล เพราะฉะนั้นจึงไม่น่าจะเห็นอาการเหล่านั้นจากครูบาอาจารย์ครับ
---พอแค่นี้ก่อนดีกว่า คงสามารถนำไปใช้พิจารณาได้ไม่มากก็น้อยทั้งนี้ต้องดูถึงนิสัยของอาจารย์แต่ ละท่านด้วย เช่นดูภายนอกอาจเป็นคนดุ พูดเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ แต่ความจริงท่านนั้นอาจเป็นคนใจดีก็ได้
---เรื่องแบบนี้อาจารย์ก็พอจะผ่านมาบ้างสมัยก่อนที่ตะเวนร่ำเรียนวิชา เจอทั้งที่จริงและไม่จริงมาหลายเหตุการณ์ รวมถึงถูกทดสอบจากครูบาอาจารย์และคนอื่นๆ มาพอสมควรกว่าจะถึงวันนี้ แต่รับรองว่าอาจารย์ยังไม่หยุดเพียงเท่านี้ เพราะคนเราถ้ารักที่จะเรียนรู้จนตายก็มีเรื่องให้เรียนกันไม่รู้จบ จะได้นำเอาวิชาต่างๆ ที่ได้เรียนมาทั้งปัจจุบันและอนาคต มาช่วยเหลือลูกศิษย์ตามสมควรรวมถึงรักษาวิชาต่างๆ ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศิกษากันต่อๆ ไปครับ
---ท่านใดมีความเห็นเพิ่มเติมก็มาช่วยกันตอบก็ได้นะ เป็นการแชร์ประสบการณ์กันอาจารย์ไหนก็ดีหมดครับ สักที่ไหนก็อยู่ที่เราถือปฏิบัติและไม่มีใครฝืนกรรมไปได้ เช่น ถ้าในอดีตเราเคยทำกรรมไม่ดีไว้ ถามว่าการสักยันต์จะช่วยได้ไหม ผมว่าช่วยได้บ้างครับ แต่ยิ่งถ้าเราหมั่นประพฤติดีปฏิบัติดี บวกกับการสักยันต์ และแรงครูที่ส่งเข้าไปในตัว ผมว่าสิ่งดีๆ ย่อมต้องมาหาเราเร็วขึ้นครับ
-----------------------------------------------------------
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 25 กันยายน 2558
www.importancetattoo.com เว๊บสำหรับผู้ที่สนใจทางด้านสักยันต์ทางด้านเมตตามหานิยม เปลี่ยนดวงชะตากลับร้ายกลายเป็นดี ส่งเสริมโชคลาภ การงาน
พอดีหนูสักยัน5แถวสาริกาค่ะ เมื่อวานแล้ววันนี้มา รร แล้วเพื่อนบ้างแหละมาตบหัว1ที มีคนรับของข้ามหัว มีเพื่อนที่นั่งข้างบนเราเล่นกันแล้วเค้ายกเท้าเกือบโดนหน้าเรา อยากรู้ว่าของจะเสื่อมไหมคะ?
สอบถามหน่อยค่ะ พอดีไปสักห้าแถวมาจากสำนักแห่งหนึ่งแต่ไม่ใช่อาจาร์ยสักให้นะคะ คือว่าผลออกมาไม่สวยมากมันเล็ก สั้นและเอียงมีแต่คนทักว่าไปสักที่ไหนมาทำไมไม่สวยเลยจนเราเสียความมั่นใจ แล้วถ้าลบแล้วสักใหม่จะเป็นไรไหมคะตอนนี้อยากลบมากเลยค่ะแต่คงยังไม่สัก ส่วนตัวเราก็ยังบูชาและศรัทธาท่านอยู่ แลยอยากสอบถามดูน่ะค่ะว่าจะลบได้ไหมหรือสักทับได้
บวชเป็นพระแล้วไปสักได้ไหมครับ
จะผิดศีลของสงฆ์หรอป่าว
และเป็นโรคหัวใจด้วยสักได้ป่าวครับ
อยากสักรูปบัวแก้ว ถ้าไปสักที่วัดบางพระ เราสามารถเลือกได้ไหมคะ
สักลาย ทับยันต์ ที่เราไม่การลงอาคมหรือของนี้แหละคับจะเป็นการกักจังเหมือนเขาว่าไหมหรือสามารถสักทับได้หรือปล่าว คับผม
อยากถามครับถ้าสักห้าแถวที่ร้านสักแล้วไม่ได้ลงคาทาจะเป็นอะไรไหมครับ
อยากรู้ค่ะถ้าสักแล้วต้องไปหาอาจารย์คนนั้นเพื่อไปสักเพิ่มอีกได้ด้วยหรอค่ะ
เข็มครู มีไว้ทำอะไรครับ