/music/.mp3 http://www.watkaokrailas.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

 ติดต่อเรา-แผนที่

อาจารย์กับศิษย์

อาจารย์กับศิษย์

ไหว้ทิศทั้ง ๖







---ในพระไตรปิฏกสูตรว่าด้วยสิงคาลกมาณพ  ว่าพระผู้มีพระภาคประทับ  ณ เวฬุวัน  (ป่าไผ่)   ใกล้กรุงราชคฤห์    เช้าวันหนึ่งเสด็จสู่กรุงราชคฤห์  เพื่อบิณฑบาต  ได้ทอดพระเนตรเห็นสิงคาลกมานพ   มีผ้าเปียก   มีผมเปียกไหว้ทิศทั้ง   ๖  อยู่  ตรัสถามทราบว่าเป็นการทำตามคำสั่งของบิดา  จึงตรัสว่า  ในอริยวินัยไม่พึงไหว้ทิศแบบนี้  เมื่อมาณพกราบทูลถามว่าพึงไหว้อย่างไร  จึงตรัสแสดงธรรมเป็นลำดับว่าให้ปฏิบัติตามทิศ  ๖  อันได้แก่


---๑.ปุรัตถิมทิศ  (ทิศเบื้องหน้า)  คือ  ทิศตะวันออก  ได้แก่  มารดา  บิดา  เพราะเป็นผู้มีอุปการะแก่เรามาก่อน


---๒.ทักษิณทิศ  (ทิศเบื้องขวา)  คือ  ทิศใต้  ได้แก่  ครูอาจารย์  เพราะเป็นบุคคลควรแก่การบูชาคุณ


---๓.ปัจฉิมทิศ (ทิศเบื้องหลัง)  คือ  ตะวันตก  ได้แก่  บุตร  ภรรยา  เพราะติดตามเป็นกำลังสนับสนุนอยู่ข้างหลัง


---๔.อุตตราทิศ (ทิศเบื้องซ้าย)  คือ ทิศเหนือ  ได้แก่  มิตรสหาย  เพราะเป็นผู้ ช่วยให้ข้ามพ้นอุปสรรคภัยอันตราย  และเป็นกำลังสนับสนุนให้บรรลุผลสำเร็จ


---๕.เหฏฐิมทิศ (ทิศเบื้องล่าง)  ได้แก่  คนรับใช้  คนงาน  เพราะเป็นผู้ช่วยทำ  การงานต่าง ๆ เป็นฐานกำลังให้


---๖.อุปริมทิศ  (ทิศเบื้องบน) ได้แก่  สมณพราหมณ์  คือ พระสงฆ์  เพราะเป็นผู้สูงด้วยธรรม และเป็นผู้นำทางจิตใจ


*ทิศ ๖


*ทิศเบื้องหน้า


---ทิศเบื้องหน้า  คือ  บิดา  มารดา    พระพุทธองค์ท่านตรัสสอนว่า  บุตรและธิดาทั้งหลายต้องมีกตัญญุตา  คือ  รู้คุณท่าน  บำรุงพระคุณของท่านให้มีความเจริญ  และต้องมีกตเวทิตา  คือ  ตอบแทนระคุณของท่าน  โดยเลี้ยงดูอุปการะท่านให้มีความสุข  ทั้งสามารถรักษาทรัพย์ทั้งหลายที่ท่านได้ให้ไว้ไม่ให้สูญไป  หรือ  ทำให้ทรัพย์ที่ท่านให้ไว้ได้เกิดประโยชน์งอกงามมีผลกำไร  และดำรงยศศักดิ์สกุลวงศ์ของท่านให้เจริญรุ่งเรืองในทางที่ดี  เมื่อท่านถึงแก่กรรมไปแล้วควรหมั่นบำเพ็ญกุศลให้ถึงท่านเป็นประจำ


*ก.บุตรธิดาพึงบำรุงมารดา บิดา  ผู้เป็นทิศเบื้องหน้า  ดังนี้


---๑)ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว  เลี้ยงท่านตอบ


---๒)ช่วยทำการงานของท่าน


---๓)ดำรงวงศ์สกุล


---๔)ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท


---๕)เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว  ทำบุญอุทิศให้ท่าน


*ข.บิดามารดาย่อมอนุเคราะห์บุตรธิดา  ดังนี้


---๑)ห้ามปรามจากความชั่ว


---๒)ให้ตั้งอยู่ในความดี


---๓)ให้ศึกษาศิลปวิทยา


---๔)หาคู่ครองที่สมควรให้


---๕)มอบทรัพย์สมบัติให้ในโอกาสอันสมควร


*ทิศเบื้องหน้า


---มีบุพการี       ที่ควรบูชา


---ด้วยกตเวทิตา        มากล้นหฤทัย


---และด้วยกตัญญู     รู้คุณท่านให้ได้


---ด้วยรักและอภัย      ตลอดชีวิตนิจกาล


*ทิศเบื้องขวา


---ทิศเบื้องขวา  คือ  คุณอาจารย์  และคุณครูทั้งหลาย  ศิษย์ที่ดีพึงบำรุงท่านให้มีความสุขด้วยความเคารพและนอบน้อม  หมั่นเข้าพบท่านเพื่อรับใช้ด้วยความสุภาพสำรวมให้ท่านรักและเมตตา  เมื่อท่านอบรมสั่งสอนสิ่งใดก็น้อมสมใจ เอาใจใส่จำและรับมาปฏิบัติให้เกิดผล  ทั้งเรียนศิลปวิทยาทั้งหลายด้วยความสุจริต  ด้วยความเคารพ  ไม่ดูแคลนในสภาพชีวิต  ความเป็นอยู่และฐานะของครู


---ส่วนครู  และอาจารย์ท่านให้เมตตาต่อศิษย์ด้วยคำแนะนำและสั่งสอนในทางที่ดี  ก่อประโยชน์  ให้การศึกษาดี  บอกศิลปวิทยาให้รู้โดยไม่ล่วงและ  ไม่ปิดบัง  เมื่อศิษย์เรียนดีมีฝีมือก็พึงยินดียกย่องให้มีชื่อเสียงดีงามเป็นที่ปรากฏ ต่อโลก  ทั้งอภิบาลรักษาศิษย์ไม่ให้ตกอยู่ในโทษใด ๆ


*ก. ศิษย์พึงบำรุงครูอาจารย์ 


---ผู้เป็นทิศเบื้องขวา  ดังนี้


---๑)ลุกต้อนรับ


---๒)เข้าไปหา  (เพื่อบำรุง  คอยรับใช้  ปรึกษา  ซักถาม   และรับคำแนะนำ เป็นต้น)


---๓)ใฝ่ใจเรียน  (คือ  มีใจรัก  เรียนด้วยศรัทธา  และรู้จักฟังให้เกิดปัญญา)


---๔)ปรนนิบัติ  ช่วยบริการ


---๕)เรียนศิลปวิทยาโดยเคารพ (คือ เอาจริงเอาจัง  ถือเป็นกิจสำคัญ)


*ทิศเบื้องขวา


---มีพลังครู          โปรดอยู่อภิบาล


---วิชชาความชำนาญ          แรงพลังบารมี


---ฝีมือความสามารถ          ฉลาดในพิธี


---ผลงานเจริญศรี          เสน่ห์แรงวโรดม


*ทิศเบื้องหลัง


---ทิศเบื้องหลัง  คือ  ครอบครัว  มีสามี  ภริยา  บุตร  และธิดา  ผู้ที่เป็นหัวหน้าครอบครัวต้องยกย่องภริยาให้สังคมได้รู้จักทั้งมีความเคารพ นับถือภริยา  ไม่ดูหมิ่นภริยาไม่ล่วงเกินบุพการีของภริยา  ทั้งเพิ่มพูนความรักโดยเฉพาะสำหรับภริยา  ให้ภริยาเห็นได้ชัดเจนโดยไม่เคลือบแคลง  ทั้งให้ภริยามียศศักดิ์  มีความเป็นใหญ่ในครอบครัว  และอภินันทนาการของขวัญสวยงามที่มีราคมเช่นเครื่องแต่งตัวสำหรับภริยาตาม สมควรแก่วาระ  และโอกาส  ด้วยความรักและเมตตาโดยไม่มีความเบื่อตลอดชีวิต


---ภาระอุปการะบุตรและธิดานั้น  ท่านสอนให้ประพฤติสร้างสมความดี  ให้หมั่นศึกษาวิชา  และศิลปะวิทยา  ให้สมบัติที่เหมาะสมกับอารมณ์และอุปนิสัยของบุตรและธิดา  เพื่อให้บุตรและธิดามีความรักที่จะรักษาทรัพย์สมบัติเหล่านั้นไว้ได้โดย ง่าย  เมื่อถึงวัยที่จะมีคู่ก็อบรมปลูกอุปนิสัยให้เลือกคู่ครองที่มีความเหมาะสม ทั้งชาติตระกูล  และความประพฤติไม่เป็นที่น่ารังเกียจ


---ทางฝ่ายภริยา  ท่านสอนให้ปฏิบัติบำรุงสามีให้มีความสุขโดยจัดระเบียบการงานบ้านเรือนที่ อยู่ให้สวยงามน่ารื่นรมย์  มีความเอื้อเฟื้อเมตตาพระคุณทั้งหลายที่ได้กรุณาสามี  มีความขยันกิจการทั้งหลายให้เกิดผลสำเร็จดีงามในทันทีโดยไม่ทิ้งค้างไว้  และด้วยความแคล่วคล่องเรียบร้อย  มีความสุจริตรักษาทรัพย์สมบัติของสามีและที่สามีให้ไว้ให้อยู่ในสภาพดีโดย ไม่น่าไปสร้างหนี้


*ก. สามีพึงบำรุงภรรยา 


---ผู้เป็นทิศเบื้องหลัง  ดังนี้


---๑)ยกย่องให้เกียรติสมกับฐานะที่เป็นภรรยา


---๒)ไม่ดูหมิ่น


---๓)ไม่นอกใจ


---๔)มอบความเป็นใหญ่ในงานบ้านให้


---๕)หาเครื่องประดับมาให้เป็นของขวัญตามโอกาส


*ข. ภรรยาย่อมอนุเคราะห์สามี   ดังนี้


---๑)จัดงานบ้านให้เรียบร้อย


---๒)สงเคราะห์ญาติมิตรทั้งสองฝ่ายด้วยดี


---๓)ไม่นอกใจ


---๔)รักษาทรัพย์สมบัติที่หามาได้


---๕)ขยันไม่เกียจคร้านในงานทั้งปวง


*ทิศเบื้องหลัง


---มีครอบครัวพร้อมหน้า          ภริยาเหมาะสม


---ธิดาสวยน่าชม          ทั้งบุตรมีสีลมัย


---ความดีงามเด่น          ใครเห็นประทับใจ


---สรรเสริญเลื่อมใส          ด้วยเห็นแจ้งประจักษ์จริง


*ทิศเบื้องซ้าย


---ทิศที่  ๔  ทิศเบื้องซ้าย  คือ  เพื่อนและมิตรทั้งหลาย  ท่านสอนว่าควรบำรุงมิตรให้มีความสุขด้วยวาจา  และด้วยความไพเราะนุ่มนวลประกอบด้วยความจริงใจ  ไม่มีเล่ห์  และด้วยความประพฤติที่งาม  เป็นกุศลในความสัมพันธ์  สิ่งใดที่ทำเป็นการเอื้อประโยชน์แต่มิตรก็จงทำ  ทั้งไม่ใส่ร้ายต่อมิตร  และไม่แกล้งมิตร  ทั้งพร้อมเสมอที่จะได้ช่วยมิตรให้พ้นจากความประมาท  แต่ถ้ามิตรพลั้งเผลอก็ช่วยดูแลไม่ให้ใครมาทุจริตต่อสมบัติของมิตร  และสามารถเป็นที่พึ่งของมิตรได้เป็นอย่างดี  ทั้งให้ความเคารพนับถือสกุลวงศ์ของมิตร  ไม่ดูแคลนในฐานะของมิตร  รวมถึงไม่ข่มมิตรด้อยกว่าตน


*ก. บุคคลพึงบำรุงมิตรสหาย 


---ผู้เป็นทิศเบื้องซ้าย  ดังนี้


---๑)เผื่อแผ่แบ่งปัน


---๒)พูดจามีน้ำใจ


---๓)ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน


---๔)มีตนเสมอ  ร่วมสุขร่วมทุกข์กัน


---๕)ซื่อสัตย์จริงใจต่อกัน


*ข. มิตรสหายย่อมอนุเคราะห์ตอบ  ดังนี้


---๑)เมื่อเพื่อนประมาท  ช่วยรักษาป้องกัน


---๒)เมื่อเพื่อนประมาท  ช่วยรักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อน


---๓)ในคราวมีภัย  เป็นที่พึ่งได้


---๔)ไม่ละทิ้งในยามทุกข์ยาก


---๕)นับถือตลอดถึงวงศ์ญาติของมิตร


*ทิศเบื้องซ้าย


---มีกัลยาณมิตร          สุจริตครบสิ่ง


---น้ำใจเป็นยอดยิ่ง          น่ารักมหัศจรรย์


---เอื้อเฟื้อสารพัด          เลิศสัตย์ในสัมพันธ์


---ด้วยความหฤหรรษ์          แสนสนุกในไมตรี


*ทิศเบื้องบน


---ทิศเบื้องบน  คือ  สมณพราหมณ์รวมถึงผู้มีศีลทั้งหลาย  ท่านสอนให้คนดีทั้งหลายได้ปฏิบัติรักษาพระคุณของท่านด้วยความเมตตาเปี่ยม อภัยในกรรมและผล  ไม่กล่าวโทษไม่กล่าวร้ายใด  ๆ  สำหรับท่าน  แม้แต่บาปสนองก็มิให้พึงมี  เมื่อท่านมาถึงก็ให้ต้อนรับด้วยวรามิสทาน  เช่น  เงินทอง  สิ่งของเครื่องอุปโภค  บริโภคล้วนเป็นของดีมีราคา  พร้อมน้ำใจไมตรีมีความเคารพนอบน้อมแสดงให้เห็นถึงความปิติที่ได้พบท่าน  และเมื่อท่านได้กล่าวสิ่งใดเป็นบุญก็ให้รับไว้ด้วยความศรัทธา


---ส่วนทางสมณพราหมณ์  ท่านสอนว่าให้สอนญาติโยมทั้งหลายให้ตั้งอยู่ในความดี  มีน้ำใจดีงามตอบต่อความศรัทธา  และไมตรีของญาติโยมทั้งหลาย  เมื่อสนทนาก็กล่าวถึงสิ่งที่น่าสนใจที่เป็นเรื่องจริง  หรืออิงปรัชญา  ทำให้บุญเกิดเป็นผลดีจริง  ทั้งไม่มีการปด  และไม่มีความเท็จ


---หน้าที่ของพราหมณ์ทั้งหลายท่านมีหน้าที่บอกทางสวรรค์และบอกผลานิสงศ์สำหรับญาติและโยมทั้งหลายด้วยสัจจะสุจริต  โดยไม่ล่วงและไม่หลอก


*ก. คฤหัสถ์ย่อมบำรุงพระสงฆ์ 


---ผู้เป็นทิศเบื้องบน  ดังนี้


---๑)จะทำสิ่งใด  ก็ทำด้วยเมตตา


---๒)จะพูดสิ่งใด  ก็พูดด้วยเมตตา


---๓)จะคิดสิ่งใด  ก็คิดด้วยเมตตา


---๔)ต้อนรับด้วยความเต็มใจ


---๕)อุปถัมภ์ด้วยปัจจัย  ๔


*ข. พระสงฆ์ย่อมอนุเคราะห์คฤหัสถ์  ดังนี้


---๑)ห้ามปรามจากความชั่ว


---๒)ให้ตั้งอยู่ในความดี


---๓)อนุเคราะห์ด้วยความปรารถนาดี


---๔)ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง


---๕)ทำสิ่งที่เคยฟังแล้วให้แจ่มแจ้ง


---๖)บอกทางสวรรค์คือทางชีวิตที่มีความสุขความเจริญได้


*ทิศเบื้องบน


---มีสมณพราหมณ์          อธินามบารมี


---สัมฤทธิ์ความโชคดี          มากหลายยิ่งกว่าเดิม


---ผลานิสงส์ได้เกิด          เป็นเลิศทั้งบุญเพิ่ม


---เทวโลกส่งเสริม          ให้สมหวังบริบูรณ์


*ทิศเบื้องล่าง


---ทิศเบื้องล่าง  คือ  คนทำงาน  หรือคนรับใช้  ท่านสอนว่าผู้เป็นนายทั้งชายหรือหญิงต้องจัดงานให้ทำตามความเหมาะสม  ให้อาหาร  ที่อยู่  เครื่องใช้  รายได้  ยา  เครื่องอุปโภคบริโภค  และให้บางสิ่งบางอย่างที่ดีงามเป็นของแปลกที่พวกเขาหรือไม่เคยได้มาก่อน  ให้ทั้งเวลาที่พวกเขาจะได้พักผ่อน  และให้อิสรภาพในการที่เขาจะไปไหนมาไหมได้ตามวันและเวลาที่กำหนดตกลงกันไว้


---ส่วนคนงานและคนรับใช้  ท่านให้บำรุงนายด้วยความขยัน  ตื่นก่อนนาย  นอนทีหลังนาย  ประพฤติสุจริต  ไม่เป็นขโมย  นำคุณของนายไปสรรเสริญด้วยความเคารพและพัฒนาทางแรงงานฝีมือความสามารถให้ เป็นไปในทางที่ดีกว่าเดิม


*ก. นายพึงบำรุงคนรับใช้และคนงาน


---ผู้เป็นทิศเบื้องล่าง  ดังนี้


---๑)จัดการงานให้ทำตามความเหมาะสมกับกำลังความสามารถ


---๒)ให้ค่าจ้างรางวัลสมควรแก่งานและความเป็นอยู่


---๓)จัดสวัสดิการดี  มีช่วยรักษายาบาลในยามเจ็บไข้  เป็นต้น


---๔)ได้ของแปลก ๆ พิเศษมา  ก็แบ่งปันให้


---๕)ให้มีวันหยุดและพักผ่อนหย่อนใจตามโอกาสอันควร


*ข. คนรับใช้และคนงานย่อมอนุเคราะห์นาย  ดังนี้


---๑)เริ่มทำการงานก่อนนาย


---๒)เลิกงานทีหลังนาย


---๓)ถือเอาแต่ของที่นายให้


---๔)ทำการงานให้เรียบร้อยและดียิ่งขึ้น


---๕)นำเกียรติคุณของนายไปเผยแพร่


*ทิศเบื้องล่าง


---มีคุณบริวาร          ทำงานไม่เคยสูญ


---น้ำใจมีเกื้อกูล          ปฏิบัติกตัญญู


---เลิศสัตย์สุจริต          เป็นทั้งมิตรเคียงคู่


---ใครเห็นและได้รู้          สดุดีว่ามีบุญ


*ความสำคัญของทิศทั้ง  ๖


---หน้าที่สำคัญของทิศทั้ง  ๖  ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้โดยย่อมีอยู่  ๓  เรื่องใหญ่  ๆ 


---๑.เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังนิสัยใจคอ  นิสัยของคนเรานั้นได้มาจากทิศ  ๖  ซึ่งเมื่อสรุปแล้วจะเหลือแค่  บ้าน  วัด  โรงเรียนนี่เอง  ไม่ใช่ตกลงมาจากสวรรค์  ไม่ใช่หลั่งไหลมาเองเหมือนอย่างกับน้ำฝนบนท้องฟ้า  คือตอนเล็ก  ๆ  เราก็ได้คุณพ่อคุณแม่  ครูบาอาจารย์  ลุงป้าน้าอา  หลวงปู่  หลวงพ่อ  ช่วยกันอบรมให้จนกระทั่งกลายมาเป็นนิสัยใจคอของเรา


---ส่วนว่าท่านจะอบรมได้ดีขนาดไหน  ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล  เพราะไม่มีใครจะอบรมบ่มนิสัยใจคอ  หรือคุณงามความดี  ให้กับผู้อื่นได้มากกว่าที่ตัวเองมีอยู่  เพราะฉะนั้น  ท่านมีสติปัญญาเท่าไร  ท่านก็อบรมให้เราได้เท่านั้น


---ยกตัวอย่าง  เวลาลูกกินข้าวแล้วไม่ล้างจาน  คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร  เดี๋ยวจะให้คนรับใช้เอาไปล้าง  นั่นเริ่มเพาะนิสัยไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองให้ลูกแล้ว  เด็กคนนี้พอโตขึ้นมาก็เลยรับผิดชอบอะไรไม่เป็น  แล้วอย่างนี้จะหวังให้มารับผิดชอบวงศ์ตระกูล  หวังจะให้รับผิดชอบต่อทรัพย์สมบัติ  เขาจะไปรับผิดชอบได้อย่างไร  ในเมื่อแค่จานข้าวที่ตัวเองกินก็ยังไม่ล้างเลย


---๒.เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี


---ทิศ  ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดี  หรือความรู้  ความสามารถและคุณธรรมประจำใจ  แต่ว่าอย่างเอาเรื่องของนิสัยใจคอ  กับความเก่งความดีมาปนกัน  เพราะไม่ว่าใครจะเป็นคนหยาบ  เป็นคนละเอียด  เป็นคนทำอะไรประณีต  เป็นคนทำอะไรทิ้ง ๆ ขว้าง  ๆ  ก็ตาม  นั่นเป็นนิสัยไม่ดีเกี่ยวกับความรู้  ความสามารถ  ยังไม่เกี่ยวกังเรื่องว่าดีหรือเลว ความรู้ความสามารถตลอดจนความเก่งความดีของมนุษย์  ก็ได้มาจากทิศ  ๖  อีกเหมือนกัน  อย่าคิดว่าเก่งได้ด้วยตัวเอง  ถ้าใครคิดอย่างนั้นแสดงว่าเป็นคนเนรคุณ  ทั้งต่อพ่อแม่และครูบาอาจารย์ทีเดียว


---เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่จะอบรมเลี้ยงดูมาก็แทบแย่  กว่าครูบาอาจารย์จะเคี่ยวเข็ญสั่งสอนมาก็แทบแย่  แต่พอโตขึ้นมาเป็นคนที่มีทั้งความรู้ความสามารถ  กลับบอกว่าคนนั้นเก่งได้ด้วยตัวเอง


---เมื่อทิศ ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความเก่งความดีให้กับเราอย่างนี้  เพราะฉะนั้น  เวลาประสบความสำเร็จในเรื่องอะไรก็ตาม  นึกถึงพระคุณทิศ  ๖  ของเราด้วย  เช่นเวลากีฬาชนะ  ก็ให้หันหน้าไปทางทิศที่คุณพ่อคุณแม่ของเรอยู่  แล้วกราบท่านสักทีหนึ่ง  โรงเรียนของเราอยู่ทิศไหน  หันหน้าไปทางทิศนั้น  กราบครูบาอาจารย์สักทีหนึ่งแล้วหลวงปู่  หลวงพ่อ  ที่เราเคารพนับถือท่านอยู่ทิศไหน  กราบไปทางทิศนั้นสักทีหนึ่ง  แล้วจะมีแต่ความสุขความเจริญ  ไม่ใช่ไปกระโดดโลดเต้น  ร้องกรี๊ด  ๆ  ดีใจ  อย่างนั้น


---๓.เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญ


---ทิศ  ๖  เป็นแหล่งกำเนิดและเป็นแหล่งปลูกฝังความสุขความเจริญของคนในสังคม  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า  ไม่ใช่เพียงเฉพาะของใครคนใดคนหนึ่งเท่านั้น เพราะจากนิสัยใจคอ  จากความเก่งความดีที่มีอยู่นั่นเอง  ทำให้คน ๆ นั้น  คิด  พูด  ทำ  ในทางที่ดี  ในสิ่งที่ถูก  จึงกลายเป็นความสุขความเจริญ  ทั้งชาตินี้และชาติหน้า แต่ถ้าเขาเอาไป  คิด  พูด  ทำ  ในทางไม่ดี  ในสิ่งที่ผิด  ก็จะกลายเป็นความทุกข์ความเสื่อม  ทั้งชาตินี้และชาติหน้าอีกเหมือนกัน.




...............................................................................................





ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล

รวบรวมโดย...แสงธรรม

อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 30 กันยายน 2558


Tags :

0 ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

*

*

view

ประวัติต่างๆ

ประวัติวัดเขาไกรลาศ

ประวัติของหลวงพ่อเทียน=คลิป

มาเช็คชื่อ-เช็คสกุลกันดีกว่า=คลิป

ประวัติพระอธิการชิติสรรค์ จิรวฑฺฒโน=คลิป

ขอเชิญผู้ร่วมบุญสร้างอาศรมเสด็จปู่พระบรมพรหมฤาษีไตรโลก

ประวัติหลวงปู่เทพโลกอุดร

ประวัติฝ่าพระหัตถ์ของพระพุทธองค์

ประวัติของนางวิสาขา=คลิป

ประวัติของอนาถปิณฑิกเศรษฐี=คลิป

ประวัติของเศรษฐีขี้เหนียว

ประวัติเหตุทำบุญที่ช้า=คลิป

ประวัติของผู้ร่วมบุญ=คลิป

ประวัติของพระไตรปิฎก=คลิป

ประวัติการสร้างพระพุทธรูปและพระเจ้า ๕ พระองค์

ประวัติง้วนดิน

ประวัติปู่ฤาษีนารอท

ประวัติพระปางมหาจักรพรรดิ์ ทรงปราบพระเจ้ามหาชมพูบดี

ประวัตินางห้าม..แห่งขอมโบราณ

ประวัติพญานาค

ความรู้และรายละเอียดพุทธเจดีย์

พระมหาโพธิสัตว์

สาระธรรม

ธรรมะส่องใจ

อานิสงส์แต่ละอย่าง

ประเพณีต่างๆ

ตำนานทั่วไป

สาระน่ารู้

ปกิณกะธรรม

วัตถุมงคล-สาระอื่นๆ

ข้อมูลทั่วไป

ปฎิทิน

« October 2024»
SMTWTFS
  12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031  

สมาชิก

ลืมรหัสผ่าน?
สมัครสมาชิก

สถิติ

เปิดเว็บ20/06/2011
อัพเดท02/06/2024
ผู้เข้าชม7,700,002
เปิดเพจ11,861,940
สินค้าทั้งหมด8

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 พระบรมสารีริกธาตุ

 โจโฉ รวมเสียงธรรม

 เฟสบุ๊ค

view