พระภิกษุ-สามเณร-อุบาสิกา ช่วยกันจัดสถานที่ปฏิบัติธรรม 20 มิ.ย.54 ค่ะ
*พุทธศาสนากับป่าไม้
---พระพุทธเจ้าทรงประสูติ ตรัสรู้และปรินิพาน "ในป่า" แม้แต่กิจกรรมการบำเพ็ญเพียร และการเผยแพร่พุทธศาสนาของพระพุทธองค์ ก็มักเกิดในป่าแทบทั้งสิ้น
---ในอดีต พุทธศาสนิกชนรักป่า เพราะป่า คือ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าและศิษย์ของพระองค์อาศัยอยู่ในป่า เพราะป่า คือ ที่สงบ, ช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย, จิตใจสงบ ปราศจากเสียงรบกวน จากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์
---" ป่า" คือ ที่ที่ใช้ฝึกตนเองให้รู้แจ้งเห็นจริงเพื่อเอาชนะตัณหา เมื่อพระอาศัยอยู่ในป่า ท่านจะช่วยสอนคนให้เข้าใจและรู้คุณค่าของป่า เพื่อเขาจะได้ช่วยดูแลรักษาป่า ดังมีตัวอย่างที่ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปในลักษณะของวัดป่า, ป่าวัฒนธรรม, ป่าชุนชนและป่าสาธารณะ เป็นต้น (กลุ่มเสขิยธรรม. กองเลขาฯ, 2535)
---พระพุทธเจ้า ทรงสรรเสริญการกระทำ ของพระสงฆ์ที่มีคุณค่า 6 อย่างและ 2 ใน 6 อย่าง เกี่ยวข้องกับ การปลูกดอกไม้, ผลไม้และการปลูกต้นไม้ใหญ่น้อย เพื่อเป็นร่มเงาและเป็นขอบเขต ของที่ใช้ปฏิบัติธรรม
---ตลอดจนการดูแลรักษาป่าในบริเวณที่อยู่อาศัย จะเห็นได้ว่า เกี่ยวข้องและส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้โดยตรง พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญการปฏิบัติธรรมในที่อันสงบ โดยเฉพาะในป่า เช่น บริเวณโคนต้นไม้
---ในขณะที่อยู่ในป่า พระสงฆ์จะต้องปฏิบัติตามคำสอนอย่างเคร่งครัด ไม่ตัดต้นไม้ ไม่ฆ่าสัตว์และไม่เผาทำลายป่า โดยการปฏิบัติเช่นนี้ ป่าจะช่วยส่งเสริมการปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ ในทางกลับกันพระสงฆ์ก็จะเป็นผู้ดูแลรักษาป่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างพระสงฆ์กับธรรมชาติ จะช่วยให้คนเห็นความสัมพันธ์ของการอาศัยอยู่อย่างผสมกลมกลืนกับธรรมชาติ (กลุ่มเสขิยธรรม. กองเลขาฯ, 2535)
*พระสงฆ์กับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม
---ข้อสรุปบทสัมภาษณ์ของ ชิตโชติรส ที่สัมภาษณ์ พระไพศาล วิสาโล แห่งวัดพระสุขโล จังหวัดชัยภูมิ ในหนังสือพิมพ์ Bangkok Post (Chetchotiros 1996)
---พระไพศาล วิสาโล ได้รับการยกย่องว่า "เป็นนักอนุรักษ์" ที่อุทิศตนให้กับงานอนุรักษ์ป่าไม้มากท่านหนึ่ง ท่านทราบดีว่า พระสงฆ์จะได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้าน ดังนั้น ท่านจึงพยายามชักนำให้ชาวบ้านในตำบลแก้งคร้อ อำเภอ ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ ลดพื้นที่การปลูกมันสำปะหลังและอ้อย
---เนื่องจากการปลูกพืชทั้งสองชนิดนี้ทำให้ดินเสื่อม ท่านได้นำการเกษตรแบบผสมผสานมาเป็นทางเลือกให้ชาวบ้าน อย่างไรก็ตาม ท่านยอมรับว่าการดำเนินงานของท่านยังไม่ประสพผลสำเร็จมากนัก
---เพียงช่วยลดการทำลายป่าของชาวบ้านลงได้ระดับหนึ่ง นอกจากนี้ พระไพศาล ยังเป็นผู้ริเริ่มโครงการ “ธรรมยาตราเพื่อทะเลสาบสงขลา”
---โครงการนี้มีวัตถุประสงค์ ที่จะกระตุ้นชาวบ้านที่อาศัยอยู่รอบๆ ทะเลสาบสงขลา ให้ช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมของทะเลสาบ เนื่องจากปรากฏว่า น้ำในทะเลสาบบางส่วน เน่าเสียจนไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้
---สาเหตุของปํญหาเกิดจาก กิจกรรมต่างๆ ของชาวบ้านและโรงงานอุตสาหกรรม ที่มีอยู่รอบๆทะเลสาบนั้นเอง ท่ านได้นำพระสงฆ์จำนวน 20 รูปและฆราวาส จำนวน 120 คน ร่วมในการรณรงค์ ครั้งนี้
---พระไพศาล ต้องการให้คนไทยทุกคนยืนหยัดและทำงานอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างจริงจัง เพื่อคุณภาพชีวิตและความรุ่งเรื่องของประเทศ
---ทวีวัฒน์ บุณฑริกวิวัฒน์ (2538) รายงานเกี่ยวกับความเห็นของ ท่านพุทธทาสภิกขุต่อธรรมชาติ ท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวว่า "ธรรมชาติที่บริสุทธิ์เป็นตัวอย่างของสังคมนิยมที่บริสุทธิ์ ระบบสุริยะเป็นระบบสังคมนิยม ที่ประกอบด้วยดวงดาวใหญ่น้อยที่อยู่ร่วมกัน โดยไม่รบกวนซึ่งกันและกัน ทุกชีวิตในจักรวาล ไม่สามารถอยู่อย่างอิสระได้ด้วยตัวของมันเอง มันต้องได้รับการเกื้อหนุนจากสมาชิกในสังคมของมัน ไม่มีอะไรแยกขาดจากกันได้"
---ผลผลิตทางธรรมชาติ จะไม่มากไปกว่าความจำเป็นในการดำรงชีวิต, ความยุติธรรมในสังคมจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ คนกลับสู่สภาวะสมดุลของสังคมนิยมธรรมชาติ
---ตามความเห็นของท่าน "สังคมนิยม" คือ คุณสมบัติพื้นฐานของธรรมชาติ ที่มีความพอดี คนมีสิทธิที่จะใช้ทรัพยากรเฉพาะเท่าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ที่สำคัญคือ คนต้องเรียนรู้การแบ่งปันส่วนเกิน เพื่อการกุศลที่จำเป็นสำหรับการอยู่อย่างสงบสุขกับคนอื่นในสังคม
---ดังนั้น เรื่องของการรู้จักบริโภคทรัพยากรให้น้อย จึงควรปลูกฝังให้กับคนในสังคม คนควรรู้จักควบคุมความอยากและความโลภของตน นอกจากนี้ท่านพุทธทาสภิกขุยังได้กล่าวว่า
---"ธรรมะ" คือ ธรรมชาติ
---"ธรรมะ" คือ กฎของธรรมชาติ
---"ธรรมะ" คือ หน้าที่ของคนที่จะต้องปฏิบัติตามกฎของธรรมชาติ
---"ธรรมชาติ" คือ ผลพอกพูนที่เกิดขึ้น จากการทำหน้าที่ของคนตามกฎของธรรมชาติ (Sivaraksa, et al 1993)
*คนไทยกับป่าไม้
---ป่าไม้ของประเทศไทย ถูกทำลายลงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจระบบทุนนิยม บางครั้ง ก็เกิดจากกระทำของเจ้าบ้านเมือง ทั้งโดยวิธีที่ผิดกฎหมายและการอาศัยช่องว่างของกฎหมาย
---เจ้าหน้าที่บางคนพยายามดูแลรักษาป่าอย่างเคร่งครัด กลับต้องแพ้ภัยต่างๆ อันเกิดจากนายทุนอิทธิพล (มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าและพืชพันธุ์แห่งประเทศไทยฯ, 2536) อย่างไรก็ตาม ยังคงมีป่าไม้บางส่วนเหลืออยู่ได้ด้วยการดูแลรักษาของชาวบ้าน เนื่องจากชาวบ้านมีความเชื่อ ในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์และดวงวิญญาณที่อาศัยอยู่ในป่านั้นๆ
---สุวิทย์ ธีรศาศวัต และคนอื่นๆ (2535) รายงานว่ามีปัจจัย 3 อย่าง ที่เกี่ยวกับพระสงฆ์และความเชื่อของชาวบ้านที่ช่วยให้รักษาป่าไม้บางส่วนไว้ได้ ปัจจัยเหล่านั้นคือ
---พระเป็นผู้รับผิดชอบและดูแลรักษาป่าไม้
---ความร่วมมือขององค์กรเอกชนและเจ้าอาวาสของวัดร่วมมือกันรักษาป่าไม้
---ความเชื่อเรื่องดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ
---ชาวบ้านเชื่อว่า ผีบรรพบุรุษ จะโกรธและสาบแช่ง ถ้าพวกเขาเข้าไปตัดไม้หรือล่าสัตว์ในป่า ดอนปู่ตา ตามความเชื่อ ชาวบ้านจะสร้างศาลเล็กๆ ไว้ในป่าแห่งนี้ เพื่อให้เป็นที่สิงสถิตย์ของดวงวิญญาณของบรรพบุรุษ
---ซึ่งผีบรรพบุรุษ จะช่วยปกป้องรักษาและบันดาลให้เกิดสิ่งดีๆ กับพวกเขา ชาวบ้านใช้ประโยชน์จากป่าประเภทนี้ในรูปอาหารจำพวก เห็ด พืชผักและผลไม้ มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ชาวบ้านจะสร้าง กฎ ระเบียบในการดูแลรักษาป่าขึ้นเอง [วิยุทธ์ จำรัสพันธ์ และคนอื่นๆ, (ม.ป.ป.)]
---เนื่องจากรู้ว่า ชาวบ้านมีความเชื่อเรื่องดังกล่าวข้างต้น องค์กรเอกชนและพระสงฆ์ จึงนำมาใช้เป็นยุทธวิธี ในการดูแลรักษาป่าไม้ เช่น การประยุกต์มาใช้ในเรื่อง “การบวชต้นไม้” (มหาวิทยาลัยสุโขทัย ธรรมาธิราช, 2540) ทำให้เกิดโครงการ "บวชต้นไม้" เพื่อรักษาต้นไม้ขนาดใหญ่ไว้เป็นแม่ไม้ในป่าต้นน้ำลำธาร โครงการดังกล่าวกำลังแพร่หลาย ไปในหลายภาคของประเทศ ช่วยให้เราสามารถรักษาป่าไม้ของชาติไว้ได้ส่วนหนึ่ง
---"ธรรมะ" ช่วยสร้างการพัฒนาแบบยั่งยืน ให้กับประเทศไทยได้
---"ธรรมะ" จะช่วยชี้นำวิถีชีวิตของเกษตรกร
---"ธรรมะ" จะช่วยให้เขารู้จักใช้ รู้จักจัดการทรัพยากรธรรมชาติ พัฒนาจิตวิญญาณและส่งเสริมความสำนึกรับผิดชอบ ที่มีต่อขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่น เขาจะเกิดความรู้สึกว่า "ตนเองเป็นเจ้าของสังคม" เกิดการรวมกลุ่มและเกิดความเมตตาต่อผู้อื่น พวกเขาจะรักชุมชนและไม่เคลื่อนย้ายไปหางานทำในเมืองใหญ่ (ยุกติ สาริกภูติ, 2540)
---ในทางพุทธศาสนา “จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว” ถ้ามีการฝึกจิตให้ดี จะมองเห็นความจริงและเกิดปัญญา
---ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะแก้ได้โดย การปฏิบัติ ศีลห้า มรรคแปด และการแสดงความรักความเมตตา ตลอดจนทำดีกับทุกสิ่งทุกอย่าง การนึกถึงผู้อื่นเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของมนุษย์ ถ้าคนสามารถเผื่อแผ่ความรักของตนให้กับคนอื่นได้มากกว่าการใฝ่หามันมา เพื่อตนเองและครอบครัว เขาจะกลายเป็นคนที่ "ให้" โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน, ความเมตตาและความไม่เห็นแก่ตัวเป็นสมบัติที่จำเป็น สำหรับมนุษย์ที่จะอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสงบสุข (Payutto 1994)
---โดยสรุป พระพุทธศาสนาสอนให้คนดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะป่าไม้ เพราะป่าไม้เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและพระสงฆ์ที่คนไทยนับถือ, พระสงฆ์มีบทบาท ที่จะช่วยส่งเสริมให้คนเห็นคุณค่าและความสำคัญของป่าไม้และช่วยดูแลรักษาป่าไม้, ความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เกี่ยวข้องกับป่าไม้สามารถนำมาเป็นแนวทางอนุรักษ์ป่าไม้และสัตว์ป่าได้ ฯ
..............................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
(แก้ไขแล้ว ป.)
อัพเดทครั้งที่ 6 วันที่ 1 ตุลาคม 2558
0 ความคิดเห็น