หลักธรรมของนักบริหาร
---เป็นเวลา 2540 กว่าปีแล้ว แต่ทุกหลักธรรมยังคงทันสมัยอยู่เสมอ สามารถนำไปประยุกต์ ใช้เป็นเครื่องดำเนินชีวิตและแนวทางในการบริหารงานได้เป็นอย่างดี ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะหลักธรรมดังกล่าว เป็นความจริง ที่สามารถพิสูจน์ได้ที่เรียกว่า “สัจธรรม” ปฏิบัติได้ เห็นผลได้อย่างแท้จริง อยู่ที่เราจะนำหลักธรรมข้อใดมาใช้ให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด
---สำหรับนักบริหาร ก็มีหลักธรรมสำหรับยึดถือและปฏิบัติอย่างมากมาย ซึ่งได้นำเสนอไว้บ้าง เรื่องที่สำคัญดังต่อไปนี้
*พรหมวิหาร 4
---เป็นหลักธรรมของผู้ใหญ่ (ผู้บังคับบัญชา) ที่ควรถือปฏิบัติเป็นนิตย์ มี 4 ประการ คือ
---1.เมตตา ความรักใคร่ ปราถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุข
---2.กรุณา ความสงสาร คิดช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์
---3.มุทิตา ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีมีสุข
---4.อุเบกขา วางตนเป็นกลาง ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เมื่อผู้อื่นถึง วิบัติ มีทุกข์
*อคติ 4
---อคติ การกระทำอันทำให้เสียความเที่ยงธรรม มี 4 ประการ คือ
---1.ฉันทาคติ ลำเอียงเพราะรักใคร่
---2.โทสาคติ ลำเอียงเพราะโกรธ
---3.โมหาคติ ลำเอียงเพราะเขลา
---4.ภยาคติ ลำเอียงเพราะกลัว
---อคติ 4 นี้ ผู้บริหาร/ผู้ใหญ่ ไม่ควรประพฤติเพราะเป็นทางแห่งความเสื่อม
*สังคหวัตถุ 4
---เป็นหลักธรรมอันเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวน้ำใจของกันและกันเห็นเหตุให้ตนเอง และหมู่คณะ ก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
---1. ทาน ให้ปันสิ่งของแก่คนที่ควรให้
---2. ปิยวาจา เจรจาด้วยถ้อยคำไพเราะอ่อนหวาน
---3. อัตถจริยา ประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์
---4. สมานนัตตตา วางตนให้เหมาะสมกับฐานะของตน
*อิทธิบาท 4
---เป็นหลักธรรมถือให้เกิดความสำเร็จ
---1. ฉันทะ ความพึงพอใจในงาน
---2. วิริยะ ความขยันหมั่นเพียร
---3. จิตตะ ความมีใจฝักใฝ่เอาใจใส่ในงาน
---4. วิมังสา ไตร่ตรองหาเหตุผล
*ทศพิธราชธรรม 10 ประการ
---เป็นหลักธรรม สำหรับพระมหากษัตริย์จะพึงถือปฏิบัติมาแต่โบราณกาล แต่นักบริหาร เช่น สรรพสามิต จังหวัด, สรรพสามิตอำเภอ ก็น่าจะนำไปอนุโลมถือปฏิบัติได้
---หลักทศพิธราชธรรม 10 ประการ มีอยู่ดังนี้
---1.ทาน คือ การให้, ปัน ซึ่งอาจเป็นการให้เพื่อบูชาคุณ หรือให้เพื่อเป็นการอนุเคราะห์
---2.ศีล ได้แก่ การสำรวมกาย, วาจา, ใจ ให้เรียบร้อยสะอาดดีงาม
---3.บริจาค ได้แก่ การให้ทรัพย์สิ่งของเพื่อเป็นการช่วยเหลือความทุกข์ยากเดือดร้อนของผู้อื่น หรือเป็นการเสียสละเพื่อหวังให้ผู้รับได้รับความสุข
---4.อาชวะ ได้แก่ ความมีอัธยาศัยซื่อตรง มั่นในความสุจริตธรรม
---5.มัทวะ ได้แก่ ความมีอัธยาศัยดีงาม, ละมุนละไม, อ่อนโยน, สุภาพ
---6.ตบะ ได้แก่ การบำเพ็ญเพียรเพื่อขจัดหรือทำลายอกุศลกรรมให้สิ้นสูญ
---7.อโกรธะ ได้แก่ ความสามารถระงับหรือขจัดเสียได้ซึ่งความโกรธ
---8.อวิหิงสา ได้แก่ การไม่เบียดเบียนคนอื่น
---9.ขันติ ได้แก่ ความอดกลั้นไม่ปล่อยกาย, วาจา, ใจ ตามอารมณ์หรือกิเลสที่เกิดมีขึ้นนั้น
---10.อวิโรธนะ ได้แก่ การธำรงค์รักษาไว้ซึ่งความยุติธรรม
*บารมี 6
---เป็นหลักธรรมอันสำคัญ ที่จะนิยมมาซึ่งความรักใคร่นับถือ นับว่าเป็นหลักธรรมที่เหมาะมากสำหรับนักบริหารจะพึงยึดถือ
---ปฎิบัติ มีอยู่ 6 ประการ
---1.ทาน การให้เป็นสิ่งที่ควรให้
---2.ศีล การประพฤติในทางที่ชอบ
---3.ขันติ ความอดทนอดกลั้น
---4.วิริยะ ความขยันหมั่นเพียร
---5.ฌาน การเพ่งพิจารณาให้เห็นของจริง
---6.ปรัชญา ความมีปัญญารอบรู้
*ขันติโสรัจจะ
---เป็นหลักธรรมอันทำให้บุคคลเป็นผู้งาม (ธรรมทำให้งาม)
---1.ขันติ คือ ความอดทน มีลักษณะ 3 ประการ
---1.1 อดใจทนได้ต่อกำลังแห่งความโกรธแค้น ไม่แสดงอาการ กาย วาจา ที่ไม่น่ารักออกมา ให้เป็นที่ปรากฏแก่ผู้อื่น
---1.2 อดใจ ทนได้ ต่อความลำบากตรากตรำ หรือความเหน็ดเหนื่อย
---2.โสรัจจะ ความสงบเสงี่ยม ทำจิตใจให้แช่มชื่นไม่ขุนหมอง
*ธรรมโลกบาล
---เป็นหลักธรรมที่ช่วยคุ้มครองโลก หรือมวลมนุษย์ให้อยู่ความร่มเย็นเป็นสุข มี 2 ประการคือ
---1.หิริ ความละอายในตนเอง
---2.โอตตัปปะ ความเกรงกลัวต่อทุกข์ และความเสื่อมแล้ว ไม่กระทำความชั่ว
*อธิฐานธรรม 4
---เป็นหลักธรรมที่ควรตั้งไว้ในจิตใจเป็นนิตย์ เพื่อเป็นเครื่องนิยมนำจิตใจให้เกิดความรอบรู้ความจริง รู้จักเสียสละ และบังเกิดความสงบ มี 4 ประการ
---1. ปัญญา ความรู้ในสิ่งที่ควรรู้ รู้ในวิชา
---2. สัจจะ ความจริง คือประพฤติสิ่งใดก็ให้ได้จริงไม่ทำอะไรจับจด
---3. จาคะ สละสิ่งที่เป็นข้าศึกแห่งความจริงใจ คือ สละความเกียจคร้าน หรือความหวาดกลัวต่อความ ยุ่งยาก ลำบาก
---4. อุปสมะ สงบใจจากสิ่งที่เป็นข้าศึกต่อความสงบ คือ ยับยั้งใจมิให้ปั่นป่วนต่อความพอใจ รักใคร่และ ความขัดเคือง เป็นต้น
*คหบดีธรรม 4
---เป็นหลักธรรมของผู้ครองเรือนพึงยึดถือปฏิบัติ มี 4 ประการ คือ
---1.ความหมั่น
---2.ความโอบอ้อมอารี
---3.ความไม่ตื่นเต้น มัวเมาในสมบัติ
---4.ความไม่เศร้าโศกเสียใจเมื่อเกิดภัยวิบัติ
*ราชสังคหวัตถุ 4
---เป็นหลักธรรมอันเป็นเครื่องช่วยในการวางนโยบายบริหารบ้านเมืองให้ดำเนินไปด้วยดี มี 4 ประการ คือ
---1.ลัสเมธัง ความเป็นผู้ฉลาดปรีชา ในการพิจารณาถึงผลิตผล อันเกิดขึ้นในแผ่นดิน แล้วพิจารณาผ่อนผัน จัดเก็บเอาแต่บางส่วนแห่งสิ่งนั้น
---2.ปุริสเมธัง ความเป็นผู้ฉลาดในการดูคน สามารถเลือกแต่งตั้งบุคคล ให้ดำรงตำแหน่งในความถูกต้องและเหมาะสม
---3.สัมมาปาลัง การบริหารงานให้ต้องใจประชาชน
---4.วาจาเปยยัง ความเป็นบุคคล มีวาจาไพเราะ รู้จักผ่อนสั้น ผ่อนยาว ตามเหตุการณ์ ตามฐานะและตามความเป็นธรรม
*สติสัมปชัญญะ
---เป็นหลักธรรมอันอำนวยประโยชน์ แก่ผู้ประพฤติเป็นอันมาก
---1.สติ คือ ความระลึกได้ก่อนทำ ก่อนบูชา ก่อนคัด คนมีสติจะไม่เลินเล่อ เผลอตน
---2.สัมปชัญญะ คือ ความรู้ตัวในเวลากำลังทำ กำลังพูด กำลังคิด
*อกุศลมูล 3
---อกุศลมูล คือ รากเหง้าของความชั่ว มี 3 ประการ คือ
---1.โลภะ ความอยากได้
---2.โทสะ ความคิดประทุษร้ายเขา
---3.โมหะ ความหลงไม่รู้จริง
*นิวรณ์ 5
---นิวรณ์ แปลว่า ธรรมอันกลั้นจิตใจ ไม่ให้บรรลุความดี มี 5 ประการ
---1.กามฉันท์ พอใจรักใคร่ในอารมณ์ มีพอใจในรูป เป็นต้น
---2.พยาบาท ปองร้ายผู้อื่น
---3.ถีนมิทธะ ความที่จิตใจหดหู่และเคลิบเคลิ้ม
---4.อุธัจจะกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและรำคาญ
---5.วิจิกิจฉา ความลังเลไม่ตกลงใจได้
---ผู้กำจัดหรือบรรเทานิวรณ์ได้ ย่อมได้นิสงส์ 5 ประการคือ
---1.ไม่ข้องติด อยู่ในกายตนหรือผู้อื่นจนเกินไป
---2.มีจิตประกอบด้วยเมตตา
---3.มีจิตอาจหาญในการประพฤติความดี
---4.มีความพินิจและความอดทน
---5.ตัดสินใจในทางดีได้แน่นอนและถูกต้อง
*เวสารัชชกรณะ 5
---เวสารัชชกรณะ แปลว่า ธรรมที่ยังความกล้าหาญให้เกิดขึ้นมี 5 ประการ คือ
---1.ศรัทธา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ
---2.ศีล ประพฤติกายวาจาเรียบร้อย
---3.พาหุสัจจะ ความเป็นผู้ศึกษามาก
---4.วิริยารัมภะ ตั้งใจทำความพากเพียร
---5.ปัญญา รอบรู้สิ่งที่ควรรู้
*อริยทรัพย์ 7
---1.ศรัทธา เชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ
---2.ศีล ประพฤติกาย วาจา เรียบร้อย
---3.หิริ ความละอายต่อบาป ทุจริต
---4.โอตัปปะ ความสะดุ้งกลัว ต่อบาป ทุจริต
---5.พาหุสัจจะ ความเป็นคนได้ยิน ได้ฟังมามาก
---6.จาคะ การให้ปันสิ่งของ แก่คนที่ควรให้
---7.ปัญญา ความรอบรู้ทั้งสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นไท
*สัปปุริสธรรม 7
---เป็นหลักธรรมอันเป็นของคนดี (ผู้ประพฤติชอบ) มี 7 ประการ
---1.ธัมมัญญุตา ความเป็นผู้รู้ว่าเป็นเหตุ
---2.อัตถัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักผล
---3.อัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักตน
---4.มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณ
---5.กาลัญญุตา ความเป็นผู้รู้จัก กาลเวลาอันเหมาะสม
---6.ปุริสัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักสังคม
---7.บุคคลโรปรัชญญุตา ความเป็นผู้รู้จักคบคน
*คุณธรรมของผู้บริหาร 6
---ผู้บริหาร นอกจากจะมีคุณวุฒิในทางวิชาการต่าง ๆ แล้ว ยังจำเป็นต้องมีคุณธรรมอีก 6 ประการ
---1.ขมา มีความอดทนเก่ง
---2.ชาตริยะ ระวังระไว
---3.อุฎฐานะ หมั่นขยัน
---4.สังวิภาคะ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
---5.ทยา เอ็นดู กรุณา
---6.อิกขนา หมั่นเอาใจใส่ ตรวจตราหรือติดตาม
*ยุติธรรม 5
---นักบริหารหรือผู้นำ มักจะประสบปัญหาหรือร้องเรียน ขอความเป็นธรรมอยู่เป็นประจำ หลักตัดสินความเพื่อให้เกิดความ “ยุติธรรม” มี 5 ประการ คือ
---1.สัจจวา แนะนำด้วยความจริงใจ
---2.บัณฑิตะ ฉลาดและแนะนำความจริงและความเสื่อม
---3.อสาหะเสนะ ตัดสินด้วยปัญญาไม่ตัดสินด้วยอารมณ์ผลุนผลัน
---4.เมธาวี นึกถึงธรรม (ยุติธรรม) เป็นใหญ่ไม่เห็นแก่อามิสสินจ้าง
---5.ธัมมัฎฐะ ไม่ริษยาอาฆาต ไม่ต่อเวร
*ธรรมเครื่องให้ก้าวหน้า 7
---นักบริหารในตำแหน่งต่าง ๆ ย่อมหวังความเจริญก้าวหน้า ได้รับการเลื่อนชั้น เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น พระพุทธองค์ทรงตรัส ธรรมเครื่องเจริญยศ (ความก้าวหน้า) ไว้ 7 ประการ คือ
---1.อุฎฐานะ หมั่นขยัน
---2.สติ มีความเฉลียว
---3.สุจิกัมมะ การงานสะอาด
---4.สัญญตะ ระวังดี
---5.นิสัมมการี ใคร่ครวญพิจารณาแล้วจึงทำ
---6.ธัมมชีวี เลี้ยงชีพโดยธรรม
---7.อัปปมัตตะ ไม่ประมาท
*ไตรสิกขา
---เพื่อเป็นการสนับสนุน ให้เกิดความตั้งใจดีและมีมือสะอาด นักบริหารต้องประกอบตน ไว้ในไตรสิกขา ข้อที่ต้องสำเหนียก 3 ประการ คือ
---1.ศีล
---2.สมาธิ
---3.ปัญญา
---ทั้งนี้เพราะ ศีล เป็นเครื่องสนับสนุนให้กาย (มือ) สะอาด
---สมาธิ เป็นเครื่องสนับสนุนให้ใจสงบ
---ปัญญา เป็นเครื่องทำให้ใจสว่าง รู้ถูก รู้ผิด
*พระพุทธโอวาท 3
---นักบริหารที่ทำงานได้ผลดี เนื่องจากได้ ”ตั้งใจดี” และ “มือสะอาด” พระพุทธองค์ ได้วางแนวไว้ 3 ประการ ดังนี้
---1.เว้นจากทุจริต การประพฤติชั่ว ทางกาย วาจา ใจ
---2.ประกอบสุจริต ประพฤติชอบ ทางกาย วาจา ใจ
---3.ทำใจของตนให้บริสุทธิ์สะอาด ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง
---การนำหลักธรรมที่ประเสริฐมาปฎิบัติ ย่อมจักนำความเจริญ ตลอดจนความสุขกาย สบายใจ ให้บังเกิดแก่ผู้ประพฤติทั้งสิ้น สมดังพุทธสุภาษิตที่ว่า
“ ธัมโม หเว รักขติ ธัมมจาริง”
ธรรมะย่อมคุ้มครองรักษาผู้ประพฤติธรรมฯ
.........................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
(แก้ไขแล้ว ป.)
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 26 สิงหาคม 2558
ความคิดเห็น