แก้ไขเรื่องเงินขาดมือ ชีวิตมีแต่ปัญหาแบบได้ผลทันใจ
พฤษภาคม 30, 2011 โดย ธ. ธรรมรักษ์
---ในชีวิตของคนเราเวลาที่มีความสุข ได้โชคลาภ ได้อะไรๆ ที่ต้องการนั้น มาจากที่ผลบุญที่ทำมานั้นได้ส่งผล แต่เวลาพบกับความทุกข์ พบกับอุปสรรคต่างๆ ทำอะไรก็ไม่ขึ้น หยิบจับอะไรเป็นเสียหาย ไร้คนช่วยเหลือมองไปทางไหนก็มืดมน เหมือนที่เรียกกันว่า “มืดแปดด้าน” หรือที่คนทั่วไปชอบเรียกกันว่า “ดวงตก” นั่นแหละ
---สาเหตุนั้นมาจากกรรมอย่างแน่นอน ไม่ได้มาจากการเดินทางของดวงดาวแต่อย่างใด เพราะเรื่องการเคลื่อนย้ายองศาต่างๆ ของดาวนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องหรือพูดง่ายๆ ว่า ไม่ได้มาส่งผลอะไรโดยตรงกับคนและสัตว์ทั้งหลาย อาจจะมีบ้างในเรื่องของกลางวัน กลางคืน น้ำขึ้นและน้ำลง ซึ่งเป็นไปตามกลไกที่ธรรมชาติดำรงไว้เพื่อความสมดุล
---แต่อย่างไรก็ตาม ในความเข้าใจของคน มักจะเรียกกันว่า “ดวงตก” ในบทนี้ก็ขอเรียกแบบนั้นแล้วกันเพื่อจะได้เข้าใจตรงกัน แต่อย่าลืมว่ามาจาก "กรรม" ทั้งสิ้น ไม่ได้มาจากดวงดาว (เรื่องดวงดี ดวงไม่ดีกล่าวไปแล้วในบทก่อนๆ)
---สำหรับกรรมที่ว่านี้ เป็นทั้งกรรมเก่าและกรรมใหม่ ฝ่ายไม่ดี ที่มีกำลังและถึงเวลาส่งผล วิธีที่จะแก้ไขนั้นต้องพิจารณาเป็นอย่างแรกก็คือ "กรรมปัจจุบัน" ต้องย้อนกลับไปพิจารณา จากสิ่งที่เราทำมา ไม่ว่าจะเป็นการประกอบอาชีพการงาน ใดๆ ก็ตาม ความคิด ความประพฤติของเรานั้น ถูกต้อง ถูกธรรม หรือไม่
---ต้องหาสาเหตุให้เจอว่า เป็นเพราะอะไร ต้องยอมรับความจริง ถึงจะแก้ได้ ซึ่งร้อยทั้งร้อย ไม่เชื่อว่ากรรมมีจริง หรือเพราะความไม่รู้ จึงละเมิดผู้อื่น สิ่งอื่น จนเกิดกรรมไมดีขึ้นมา เช่น เคยแอบไปเบียดเบียนใครเขามา เคยไปคดโกง ยืมเงินคนอื่น แอบพรากประโยชน์ผู้อื่น เห็นแก่ได้จนคนอื่นเขาเสียหาย ทำการค้าแบบไม่ซื่อสัตย์สุจริต ไม่มีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เป็นคนที่ประมาทในชีวิต ยังคงเกียจคร้านไม่แสวงหาสิ่งดีๆ สิ่งที่ถูกต้องมาสู่ชีวิต เป็นต้น
---เรื่องเหล่านี้ เหมือนกับเราเดินทางชีวิต ที่ผิดทางไปจากความสำเร็จ ความร่ำรวย ที่เราปรารถนาจะได้ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม หรือเราเองนั้น เอาก้อนหินขนาดใหญ่ไปปิดทางน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งก็คือ การไปสร้างบาปปิดทางบุญของตัวเองไว้
---เรื่องเหล่านี้ เราต้องหาให้เจอเสียก่อน เพราะเหตุจากกรรมไม่ดีเหล่านี้ เป็นกรรมใหม่ที่เราปรับปรุงแก้ไขได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องเปลี่ยนเพื่อเปลี่ยนทิศทางเดินชีวิตเสียใหม่ เราเองก็รู้ว่าเราทำแบบนั้น เราได้ผลอะไรกลับมา เราเป็นคนที่ทำร้ายตัวเอง ทำตัวเองให้ดวงตกหรือไม่
---เรื่องไม่ดีเหล่านี้มันเหมือนจุดดำๆ หรือคราบสกปรกที่อาจจะเริ่มจากจุดเล็กๆ แต่มันสะสมเรื่อยๆ จนผ้าที่เคยขาวนั้นดำสนิท ชีวิตจึงเหมือนอยู่ในความมืด จนคลำหาทางออกไม่เจอ หลายคนไปพึ่งหมอดู คนทรงเจ้าหรือไสยศาสตร์ที่ไม่ใช่ของจริง จนหมดเนื้อหมดตัว เหมือนอยู่ดีๆ ไปหาขี้โคลนมาใส่ผ้าขาวเข้าไปอีก ซึ่งขออนุญาตบอกถึง การแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตา คือ
---ต้องปรับความเชื่อเสียใหม่ จากที่หลงผิดทางหรือเกิดมิจฉาทิฐิ (มิจฉาทิฏฐิ) ขึ้นในใจที่เป็นความมืด ให้กลับมาสู่ทางสว่างหรือสัมมาทิฐิ (สัมมาทิฏฐิ) ต้องปรับใจตนเองเสียก่อน ถ้าไม่ปรับใจเสียก่อน ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
---ดังเช่น อยากจะไปเชียงใหม่ แต่ดันขับรถลงไปทางใต้ ต่อให้อีกร้อยชาติ พันชาติก็ไปไม่ถึง ไม่ว่า รถยนต์จะมีกำลังดีแค่ไหนก็ตาม อยากจะให้ชีวิตดี แต่ยังหลงผิดไปว่า การทำกรรมชั่วนั้นจะทำให้ชีวิตดี อยากจะมีความสุข มีเงินเยอะๆ รวยๆ แต่คิดไปว่าการไปเบียดเบียนคนอื่น โกงเขา ขโมยเขา เป็นเรื่องถูกต้อง ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ บาปไม่เคยส่งผลให้เกิดบุญ บุญบริสุทธิ์นั้น ก็ไม่เคยทำให้ใครบาป มันคนละทางกัน
---กรรมนั้น เหตุมันเกิดที่ใจและกรรมทุกกรรมที่เราทำมา ว่าจะเป็นกรรมดี กรรมชั่ว จะหนักจะเบา จะถูกบันทึกไว้ในจิตใจทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเกิดไปอีกร้อยชาติ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุล เปลี่ยนหน้าตา เปลี่ยนภพภูมิไป แต่จิตนั้น ยังเป็นดวงเดิมที่ได้มีการบันทึกกรรมนั้นไว้ตลอดเวลา กรรมใดที่เป็นอโหสิกรรมแล้ว ก็จะไม่ส่งผลอีก ถือว่ากรรมนั้นยุติลงไปแล้ว
---ต้องแก้ที่ใจเป็นอันดับแรก ต้องเชื่ออย่างไม่สั่นคลอน ไม่สงสัยใดๆ ว่ากรรมนั้นมีจริง ใครทำดีต้องได้ดี ใครทำชั่วต้องได้ชั่ว ในบางครั้ง อาจจะส่งผลช้าเพราะเป็นไปตามลำดับ ตามหน้าที่ ตามเวลา และมีปัจจัยอื่นประกอบด้วย แต่อย่างไรก็ต้องส่งผล กรรมหนักไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี อย่างช้า 30 ปีหรือในชั่วชีวิตคนจะได้เห็นกัน
---หากทำดีแล้ว ยังดวงตกอีก ทำอะไรก็ติดขัดไม่สำเร็จอีก อาจจะมาจากกรรมเก่าที่กำลังส่งผล โดยมีเจ้ากรรมนายเวร เขาตามรังควาน ตามอาฆาตมาดร้ายอยู่ จะใคร่ขอแนะนำ มีความศรัทธาขอร้องว่า อย่าไปทำเลย เพราะไม่ได้ผล จิตมันไม่ถึงจะเสียเงินทองไปเสียเปล่าๆ
*1.ให้รักษาศีล 5 อย่างมั่นคง
---เพราะการรักษาศีล 5 จะเป็นเครื่องมือช่วยในการป้องกันไม่ให้เราไปละเมิดกรรมไม่ดีต่อผู้อื่นอีก เป็นการหยุดการทำชั่วอย่างสิ้นเชิง ซึ่งคนดวงตกทั้งหลาย ถ้าหากยังละเมิดศีล 5 อยู่ ผลกรรมที่จะได้รับจนอาจจะทนทานไม่ไหวเลยก็ได้ เพราะแค่กรรมเก่ามาส่งผลยังลำบาก ยังดวงตกดิ่งนรกขนาดนี้ หากยังไปทำกรรมชั่วอีก คงหนักขึ้นหลายเท่า
---การรักษาศีลนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วน อย่างน้อยต้องศีล 5 ถ้าดวงตกหนักมาก อาจะจะต้องไล่ขึ้นไปอีกเป็น ศีล 8 ศีล 10 หรือถึงขั้นต้องบวชเพื่อถือศีล 227 อาศัยร่มกาสาวพักตร์เป็นเกราะป้องกัน ดังที่คนโบราณหรือ ครูบาอาจารย์ในอดีตกาล ท่านทราบทางแก้ไขเรื่องนี้ดี ท่านจึงมักจะให้บวชเสีย ถ้าหากคนนั้นพบกับวิบากกรรมหนัก หรือดวงตกหนักๆ จนดูแล้วจะไปไม่รอด
*2.ใส่บาตรทุกวัน
---การใส่บาตรทุกวันนั้น เป็นการเสริมบุญให้กับตัวเองแบบง่ายๆ ที่ทำได้ (ให้ย้อนกลับไปอ่านเรื่องอธิษฐานจิตเสียก่อนทำบุญ ในบทแรกจะเข้าใจในการใส่บาตรทั้งหมด)
*3.ทำสังฆทานใหญ่
---เคล็ดวิชานี้มาจากครูบาอาจารย์ท่านสำคัญ ที่ขออนุญาตปิดชื่อของท่านไว้ก่อน ถ้าถึงเวลาเมื่อใดจะเรียนให้ทราบ ครูบาอาจารย์ท่านสำคัญท่านนี้ ได้เมตตาให้กับคนดวงตกมาแล้วมากมายมหาศาลและเกิดผลดีทุกคน ไม่ว่าจะเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีหลายท่าน นักการเมือง ทหารระดับใหญ่ของประเทศ นักธุรกิจการค้า คนทั่วไป ที่กำลังรับผลกรรมเก่า จนยากจะรับมือไว้ เมื่อได้ทำครบถ้วนแล้ว ชะตาชีวิตดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ท่านเมตตาให้ทำดังนี้
---เตรียมอาหารคาวหวานครบ น้ำสะอาด ดอกไม้ ธูปเทียน
---วัตถุทานที่จัดเป็นปัจจัย 4 คือ เครื่องบวชพระ ไตรจีวร บาตรพระ พร้อมตาลปัตร ยารักษาโรค ของใช้ของสงฆ์ต่างๆ ตามที่สมควร หนังสือธรรมะ 1 เล่ม
---พระพุทธรูปประจำวันเกิดของตน ให้หน้าตัก 9 นิ้วขึ้นไป ไม่ว่าจะเป็นวัสดุใดใช้ได้ทั้งนั้น
---ถาดเงิน 1 ถาด (เอาไว้ใส่อาหารคาวหวานทั้งหมดรวมกัน)
---ถาดทองเหลือง 1 ถาด (เอาไว้ใส่ของสงฆ์และพระพุทธรูป)
---หากิ่งไม้สามง่าม 1 อันที่เหมือนเวลาเราทอดผ้าป่า
*ถวายสังฆทานให้ได้บุญมากยิ่งขึ้น
---ให้ไปถวายกับพระสงฆ์ ที่เป็นเจ้าคณะจังหวัด ที่ตนเองอยู่ หรือพระสงฆ์ที่มีเนื้อนาบุญสูง เท่าที่เราจะหาได้ ถ้าหาไม่ได้จริงๆ หรือไม่ทราบ ให้ถวายกับเจ้าอาวาสวัด หรือถ้าอยากจะให้บุญมากมายมหาศาล ให้ตั้งจิตถวายแด่พระพุทธเจ้าหรือ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ หรือครูบาอาจารย์ที่เรานับถือ เพื่อให้อานิสงส์ของบุญ จะได้มากขึ้นทวีคูณ
---เวลาถวาย ให้เอากิ่งไม้นั้น ตั้งขึ้นเหมือนที่เราเห็นในถังผ้าป่าทั้งหลาย เอาผ้าไตรจีวรนั้นพาด พระสงฆ์ท่านจะรับและชักออกไป เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ให้กรวดน้ำอุทิศบุญแผ่เมตตาให้เจ้ากรรมนายเวร
---การที่ครูบาอาจารย์ท่านแนะนำให้ ถวายอาหาร คาวหวาน ให้ครบนั้น เพราะเจ้ากรรมนายเวรบางท่านนั้น อยู่ในภาวะหิวกระหาย ไม่มีใครทำบุญไปให้ ยิ่งหิว ก็ยิ่งโกรธแค้นหลายเท่า กับคนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้ เครื่องบวชพระ ไตรจีวร นั้น จะเป็นเครื่องนุ่งห่มทิพย์ ในกรณีที่เขาไม่มีเสื้อผ้าจะสวมใส่
---การถวายพระพุทธรูปนั้น จะนำให้เข้าถึง ระลึกได้ถึงพระพุทธเจ้าที่เป็นที่พึ่งของเขาได้จริง หนังสือธรรมะจะทำให้เขาเข้าใจในพระธรรม ที่จะช่วยให้เขาพ้นทุกข์ได้จริง ลดความอาฆาตมาดร้ายลง
---ถาดเงิน ถาดทองนั้น เป็นการช่วยให้เขามีภาชนะ เก็บกักของทิพย์ที่เขาได้รับและจะนำมาใช้เมื่อใดก็ได้ การทำสังฆทานใหญ่นี้ ทำเดือนละ 1 ครั้งตรงกับวันเกิด สำหรับท่านที่ดวงตกมากๆ ต้องรีบทำเสียโดยด่วน เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
---หลายท่านที่ไม่มีเงินพอที่จะทำสังฆทานใหญ่ แบบนี้ ที่ต้องใช้เงินพอสมควร ขอแนะนำว่า ให้ไปที่วัดใดก็ได้ ที่มีการจัดเตรียมเครื่องสังฆทานไว้ให้แบบครบชุด ที่เดี๋ยวนี้มีเกือบทุกวัด ให้ใช้วิธีทำ "ผาติกรรม" นำเงินใส่ซองจะ 10 บาท 5 บาทหรือเท่าใดก็ได้ ก็ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกัน หรือถ้าวัดนั้นไม่มี ก็ขอเมตตาจาก พระสงฆ์ท่าน ส่วนมากทุกวัดจะมีสิ่งของที่บอกไว้ครบ เราออกแรง ขอท่านไปรวบรวมเอาสิ่งของดังกล่าวมาร่วมกันเป็นสังฆทาน แล้วขอผาติกรรมจากท่านก็ได้ เสร็จแล้วก็ไปคืนไว้ตามที่เอามา
---หรือท่านใดที่ดวงตก แต่ไม่มีเงินจริงๆ หรือไม่สะดวกอยู่ในที่จำกัด ไปไหนมาไหนไม่สะดวก ก็ให้เร่งถือศีล 5และสวดมนต์ ทำสมาธิ เป็นการสร้างบุญโดยไม่ต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว เพียง 3อย่างเท่านี้ ก็แก้ไขได้แล้ว เพราะบางเจ้ากรรมนายเวร เขาต้องการเพียงเราสำนึกผิด กลับใจ และส่งบุญให้เขาก็พอใจ พร้อมถอนตัวออกไปจากการจองเวรนี้
---หรือจะเพิ่มทานเข้าไปอีก เอาเงินสัก 1 บาทหรือสลึงหนึ่งก็ได้ ใส่กระปุกไว้ก็ได้ เพื่อจะให้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา ครบถ้วนในแต่ละวัน เมื่อเงินในกระปุกมีพอสมควรแล้ว ก็เอาไปถวายพระสงฆ์เป็นสังฆทานได้ ดังที่บอกมาแล้วในบทแรกเลย
---ธ.ธรรมรักษ์ เองก็ใช้วิธีนี้ในทุกเช้า โดยการทำทานหยอดเงินใส่กระปุกก่อนให้เป็นทาน อธิษฐานจิตเป็นสังฆทาน แล้วจึงสวดมนต์สมาทานศีลและทำสมาธิในทุกเช้า ชีวิตจากที่เคยลำบากมาก เจ้าหนี้คอยตามรังควาน บ้านจะโดนยึด รถยนต์โดนยึด มีแต่เรื่องที่ทำให้เสียหายมากมาย ก็ทุเลาขึ้น จนดีวัน ดีคืน จนถึงปัจจุบัน จึงอยากจะบอกกล่าว ให้ลองไปทำกันดู
---หรือแม้แต่ไม่มีเงิน ก็เอาแรงงานไปเช็ดถู ไปปัดกวาดลานวัด ทำความสะอาด หน้าพระประธาน พระพุทธรูป ที่รายล้อมอยู่ตามศาลาวัด ไปช่วยเขาขนทราย ขนปูน ที่มีการก่อสร้างอะไรในวัดก็ตาม ไปช่วยกิจ ของสงฆ์ ทั้งไปช่วยโรงครัว โรงทาน ทำอาหารถวาย ช่วยล้างผลไม้ ปอกผลไม้ ล้างจาน กวาดวัด ล้างห้องน้ำ หรืออะไรก็ได้ที่เป็นของส่วนรวม แล้วอุทิศบุญที่ทำนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรเขาและอธิษฐาน ขอให้เป็นสังฆทานได้ทั้งนั้น อย่าไปคิดแต่เพียงว่า ต้องใช้เงินอย่างเดียวเท่านั้น
---สำหรับการกรวดน้ำ ควรทำทุกครั้งหลังจากสร้างบุญเสร็จ เพื่อที่จะได้ไม่ตกหล่น ถ้าลืมหรือติดธุระอะไรไม่ได้ทำ ถ้าเรานึกได้เมื่อใด ให้กรวดน้ำใหม่ทันที ไม่ว่าเวลาไหนก็ตาม บุญที่เราทำนั้น ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งเห็นได้จากบุญเก่าและบาปเก่าในอดีตชาติที่กำลังส่งผลให้เราอยู่ในขณะนี้ ก็ไม่ได้หายไปไหนเช่นกัน
---น้ำที่ใช้ควรเป็นน้ำสะอาดเพื่อสื่อได้ง่ายและเร็ว เสร็จแล้วให้เอาน้ำนั้น ไปเทราดใต้ต้นไม้กลางแจ้ง ในเวลาที่เท ให้ตั้งจิตอีกครั้ง กล่าวขอให้พระแม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ท้าวยมราช มาเป็นสักขีพยาน ในการสร้างบุญ ให้ท่านทั้งหลาย ที่เราอุทิศบุญให้มารับบุญไป ก็ถือว่า เป็นอันเสร็จสิ้นครบทุกประการ ตามหลัก ครูบาอาจารย์ตั้งแต่ครั้งโบราณ
---แต่ถ้าไม่แน่ใจว่า ดวงจิตวิญญาณที่เราตั้งใจอุทิศบุญไปให้นั้น ท่านจะมารับได้หรือไม่ เพราะบางดวงจิตวิญญาณ ถ้าไม่อยู่ในสภาวะที่รับได้เขาก็รับไม่ได้ เช่น ถูกลงโทษในนรกชั้นลึกที่สุดเพราะกรรมหนักเขาก็มาไม่ได้ เหมือนนักโทษประหารหรือนักโทษขั้นเด็ดขาดที่ห้ามเยี่ยม ห้ามทุกอย่างไว้เพราะทำกรรมหนักไว้ แต่มีวิธีแก้ไขให้ขอเมตตาฝากบุญไว้กับพระแม่ธรณี ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ท้าวยมราชไว้ เมื่อใดก็ตามที่เขาพร้อมจะรับบุญได้ ท่านจะเมตตาส่งเคราะห์ส่งบุญให้ได้
*สังฆทานนั้นยิ่งทำบ่อย ยิ่งดีทั้งสองทางทั้งสร้างบุญใหญ่และลดกรรมไม่ดีได้เร็วมากยิ่งขึ้น
---4.ต้องสวดมนต์และทำสมาธิทุกวัน สองสิ่งนี้ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด การสวดมนต์เพื่อปรับฐานบุญและทำให้ตนเองเกิดมงคล และการทำกรรมฐานแก้กรรมหรือที่เรียกกันว่า “สมาธิแก้กรรม” นั้นเป็นของจริงที่พิสูจน์กันมาตั้งแต่ครั้งโบราณแล้ว
---การสวดมนต์นั้นควรทำในตอนเช้าและก่อนนอน อย่าลืมว่าต้องมีบทพื้นฐานดังที่กล่าวไปแล้วในบทปลุกเสกตัวเองให้ ศักดิ์สิทธิ์บทก่อน และอยากแนะนำให้สวดบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกทุกครั้ง ถ้าอยากเอาให้ได้ผลแบบเร็วทันใจให้สวดเลยอายุตนเอง 1 บท เช่น อายุ 30 ปีให้สวด 31 จบ ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 15 วันอย่าขาด
---เมื่อสวดมนต์แล้วให้นั่งสมาธิและวิปัสสนา ต่ออย่างน้อยวันละ 30 นาที เมื่อออกจากสมาธิเจริญภาวนาแล้วให้แผ่เมตตาอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวนทันที แบบเจาะจงด้วยว่า โดยเฉพาะเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังตามมารังควานให้เกิดอุปสรรคอยู่ในขณะนี้ให้ มารับบุญที่เกิดขึ้นนี้ แม้ว่าดวงจะดีแล้ว ก็อย่าหยุดทำให้ทำต่อไป ดวงจะดียิ่งขึ้นร้อยเท่าพันเท่า
---5.สงเคราะห์ปล่อยสัตว์ ให้ ไปปล่อยปลาหมอหรือปลาไหลวันละ 8 ตัวทุกวันติดต่อกัน 7 วัน หรือให้ครบ 7 ครั้งใน 1 เดือน การปล่อยสัตว์ก็ให้ไปดูเรื่องการสงเคราะห์ปล่อยสัตว์แบบได้บุญมาก ถ้าหาปลาหมอหรือปลาไหลไม่ได้ใช้ปลาอะไรก็ได้ที่คนเอามาทำเป็นอาหารแบบว่าเขา ต้องตายแน่ๆ ถ้าเราไม่ไปช่วยเขาไว้ ไปที่ตลาดแล้วบอกแม่ค้าว่า ให้เลือกปลาที่คิดว่ากำลังจะฆ่าให้หน่อย ในสมัยพุทธกาล เณรน้อยที่แม้ถึงฆาตได้ช่วยปลาจากปลักให้ไปอยู่ในแหล่งน้ำสมบูรณ์ ยังรอดตายได้ แค่ดวงตกแค่นี้ยิ่งได้ผลหลายเท่า
---6.ร่วมสร้างถาวรวัตถุใหญ่ๆ ทางพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป โบสถ์ วิหาร หรืออะไรก็ตามที่เป็นของใหญ่ๆ และเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มาก จะเป็นทานใหญ่ที่ก่อให้เกิดโชคลาภ สำหรับการร่วมบริจาคนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเงินมาก เท่าใดก็ได้ แต่ต้องให้ตรงกับจำนวนหรือมากกว่าที่ตั้งใจไว้ เช่น ตั้งใจทำ 1 บาทก็ต้อง 1 บาทอย่าไปลดบุญตัวเองด้วยการทำเพียง 50 สตางค์เพราะเสียดาย ให้ทำตามที่เราตั้งใจจริงๆ เท่าไหร่ก็เท่านั้น.
............................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 กันยายน 24 กันยายน 2558
ความคิดเห็น