อานิสงส์การสร้างพระเจดีย์
---ครั้นสมเด็จพระพุทธกัสสปะ ได้ปรินิพพานไป คนทั้งหลายได้พากันสร้างพระเจดีย์สูง ๑ โยชน์ ด้วยอิฐทองคำ ในขณะที่กำลังสร้างอยู่นั้น ธิดาเศรษฐีจึงคิดว่า เราถูกสามีส่งกลับถึง ๗ ครั้งแล้ว เราจะต้องการอะไรด้วยชีวิต จึงให้คนทำลายเครื่องประดับของตน แล้วให้ปั้นเป็นอิฐทองคำนำไปสู่ที่เขาสร้างพระเจดีย์
---ในขณะนั้น อิฐขาดอยู่ก้อนหนึ่งพอดี นางจึงก่ออิฐของตนให้ติดกันเป็นอันเดียว แล้ววางดอกบัว ๘ กำไว้ในเบื้องบน กราบไหว้พระเจดีย์แล้วตั้งความปรารถนาว่า "ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเกิดในที่ใด ๆ ขอให้กลิ่นกายของข้าพเจ้าหอมดังกลิ่นจันทน์ และขอให้กลิ่นปากของข้าพเจ้าหอมดังกลิ่นดอกบัว"
---ต่อมา บุตรเศรษฐีก็ได้ให้ คนใช้ไปตามนางกลับมา ปรากฏว่ามีกลิ่นจันทน์และกลิ่นดอกบัวหอมฟุ้งไปทั้งบ้าน ครั้นสอบถามว่า เธอได้ทำสิ่งใดไว้, ธิดาเศรษฐีก็เล่าสิ่งที่ตนกระทำไว้ บุตรเศรษฐีก็มีความเลื่อมใส จึงได้นำผ้ากัมพลไปบูชา พระสุวรรณเจดีย์ อันสูงได้ ๑ โยชน์นั้น แล้วก็ประดับพระเจดีย์ด้วยดอกปทุมทองอันใหญ่เท่ากงเกวียน
---ครั้นธิดาเศรษฐี ตายจากชาตินั้นแล้ว ก็ได้ไปเกิดในสวรรค์ จุติจากสวรรค์ ก็ได้ลงมาเกิดเป็นราชธิดาในเมืองพาราณสี ส่วนบุตรเศรษฐีก็ได้จุติจากเทวโลกลงมาเกิดในตระกูลอำมาตย์ ต่อมาก็ได้เป็นพระราชาทรงพระนามว่า "พระเจ้านันทราช" แล้วได้อภิเษกกับราชธิดานั้น
---บุคคลทั้งสอง จึงได้ทรงปรึกษากันว่า การที่ได้เสวยราชสมบัติอันยิ่งใหญ่นั้น เป็นเพราะผลบุญแต่ชาติปางก่อน ที่มีความศรัทธาต่อพระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีต บัดนี้ เรายังไม่ได้ทำกุศลไว้เป็นปัจจัยแห่งอนาคตเลย จึงได้ทรงถวายทานพร้อมทั้งสร้างบรรณศาลา ๕๐๐ หลัง ในพระราชอุทยาน ให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า ๕๐๐ องค์ อันมีพระมหาปทุมปัจเจกพุทธเจ้า เป็นประธาน
---เมื่อได้ทรงอุปถัมภ์ บำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าดีแล้ว พระราชาก็ได้เสด็จไปชายแดน ในขณะที่ยังไม่เสด็จกลับมา อายุสังขารของพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลายก็สิ้นไป ท่านได้เข้าฌานอยู่ตลอดราตรี พอเวลารุ่งขึ้นก็ยืนพิงพนักปรินิพพานไป
---ในเวลาตอนเช้า พระราชเทวีได้จัดที่นั่งของพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ แล้วก็ประทับนั่งรอการมาของท่าน เมื่อไม่เห็นก็ใช้ให้บุรุษหนึ่งไปตาม จึงทรงทราบว่า ท่านยืนพิงพนักปรินิพพานไปหมดแล้ว พระนางก็ทรงกรรแสงคร่ำครวญ จึงพร้อมกับประชาชนทั้งหลาย เสด็จออกไปสักการะบูชาจัดการถวายพระเพลิง แล้วเก็บพระบรมธาตุไปบรรจุไว้ในพระเจดีย์
---ครั้นพระราชาเสด็จกลับมา จากชายแดนแล้ว จึงได้ทรงทราบเรื่องราวจากพระราชเทวี ผู้เสด็จออกไป ต้อนรับ จึงทรงดำริว่า "บัณฑิตเห็นปานนั้นก็ยังตาย เราจักพ้นความตายได้อย่างไร" จึงไม่เสด็จเข้าพระนคร ได้เสด็จเข้าไปสู่พระราชอุทยาน ตรัสสั่งให้พระราชโอรสองค์ใหญ่ไปเฝ้า แล้วทรงมอบราชสมบัติให้ พร้อมทั้งทรงสั่งสอนพอสมควร แล้วก็ทรงบรรพชา
---ฝ่ายพระราชเทวีก็ทรง ดำริว่า " เมื่อพระราชาบรรพชาแล้ว เราจักทำอะไร" แล้วก็ทรงบรรพชา อยู่ในพระราชอุทยานแห่งเดียวกัน ทั้งสองพระองค์นั้น ก็ได้ทำฌานสมาบัติให้เกิดขึ้น เวลาจุติจากชาตินั้นแล้ว ก็ได้ขึ้นไปเกิดในพรหมโลก ดังนี้
*อานิสงส์การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
---การสร้างเจดีย์ วิธีการบูชาพระบรมธาตุที่ถูกต้อง จากประสบการณ์ตัวเองที่ได้รับ พระบรมสารีริกธาตุมาบูชา และท่านได้เสด็จมาเพิ่มเรื่อยๆ จึงทำให้เกิดความอยากทราบอานิสงส์ และวิธีการบูชาพระบรมธาตุที่ถูกต้อง
---โชคดีที่มีโอกาส ไปปฏิบัติธรรมที่วัดสังฆทานซึ่งที่นั่นได้แจกพระบรมสารีริกธาตุด้วย และได้เจอหนังสือเล่มนี้ ที่ห้องสมุด จึงขอยืมมา หนังสือพระธาตุเจดีย์และรอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย มีเรื่องน่าสนใจเยอะเลยค่ะ ขอสรุปให้ฟังนะค่ะ
---หลังจากพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน พระบรมธาตุได้แพร่กระจายไปยังแคว้นต่างๆ ในชมพูทวีป ต่อมาพระมหากัสสปะ ได้อธิษฐานรวบรวมพระบรมธาตุกว่า 80% อัญเชิญไปประดิษฐานทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ ในสมัยพระเจ้าอชาตศัตรู ทรงสร้างพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้
---พระมหากัสสปะ นำพระบรมธาตุ "อุรังคธาตุ" มาที่ภูกำพร้า (พระธาตุพนม) สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พ.ศ. 270-312 ทรงสร้างเจดีย์พระบรมธาตุ 84,000 แห่งทั่วชมพูทวีป รวมทั้งในพม่าและไทยด้วย สำหรับประเทศไทยได้แก่ พระธาตุลำปางหลวง, พระธาตุพระฝาง, พระธาตุวัดธรรมศาลา, วัดพระงาม, พระธาตุเนินยายหอมและพระปฐมเจดีย์
---โดยใช้พระราชทรัพย์ 96 โกฏิ และได้นำมาสักการะบูชา 7 ปี 7 เดือน 7 วัน ด้วยความราบรื่น แม้จะมีพญามาร พยายามทำลายพิธีดังกล่าว แต่ไม่สำเร็จ เพราะพระกีสนามคอุปคุตหรือพระอุปคุตเถระ คอยดูแลป้องปราบพญามารไม่ให้มาทำลายพิธีนี้
---สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช พระบรมธาตุได้แพร่กระจายไปทั่วชมพูทวีป พระอรหันต์ที่มีบทบาทสำคัญหลายรูป อาทิ
---พระกุมารกัสสปะ พระเมฆิยะ ไปทางล้านนา
---พระโสณะเถระ พระอุตตรเถระฌานียะ ภูริยเถระ มูนียเถระ ไปทางสุวรรณภูมิ
---พระอรหันต์ทั้ง 8 ได้แก่ พระมหารัตนเถระ, พระจุลรัตนเถระ, พระมหาสุวรรณปราสาทเถระ, พระจุลสุวรรณประสาทเถระ, พระสังควิชเถระ ฯลฯ
---นำพระบรมธาตุหัวเหน่า, พระธาตุเขี้ยวฝาง และพระธาตุฝ่าพระบาทขวามาแถบอีสาน (พระธาตุบังพวน, พระธาตุเวียงงัว, พระธาตุหอแพ และ พระธาตุเมืองลา หนองคาย)
*เคล็ดในการทำจิต ขณะไหว้พระบรมธาตุ มีหลายระดับ
---1.คิดว่า กำลังไหว้พระพุทธเจ้าและน้อมรับ วิมุตติธรรมจากพระพุทธองค์ ย่อมได้บารมีกุศลธรรมจากองค์พระบรมธาตุเต็มที่
---2.คิดว่า กำลังไหว้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า ย่อมได้บารมีกุศลธรรมน้อยกว่า แบบที่ 1
---3.คิดว่า กำลังไหว้ซากกระดูกส่วนหนึ่งของพระพุทธเจ้า ย่อมได้บารมีกุศลธรรมน้อยกว่า แบบที่ 2
---4.คิดว่า กำลังไหว้สัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ที่ช่วยให้นึกถึงพระพุทธเจ้า ย่อมได้บารมีกุศลธรรมน้อยกว่า แบบที่ 3
---5.คิดว่า กำลังไหว้วัตถุหรือสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ย่อมได้บารมีกุศลธรรมน้อยกว่า แบบที่ 4
---6.การไหว้เฉยๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไร
---7.ไม่ไหว้ ไม่สนใจ ผ่านไปเฉยๆ บารมีเสื่อมถอย
---8.ไม่สำรวม ลบหลู่ ได้บาปมหันต์
*การนมัสการพระบรมธาตุ
---นอกจากการพนมมือไหว้แล้ว ควรเดินเวียนเทียนรอบเจดีย์พระบรมธาตุด้วย 3 รอบ และต้องเวียนขวา
---หากมีเวลา ควรเตรียมดอกบัว ดอกไม้ ธูป เทียน ไปนมัสการ และควรนำทองคำเปลวไปปิดบูชาตาม ความเหมาะสมด้วยก็ยิ่งดี
---การไหว้พระธาตุ ควรพนมมือยกสูง ให้นิ้วอยู่เหนือศีรษะ ปลายนิ้วมือมุ่งตรงไปยังยอดพระเจดีย์ ค้อมศีรษะลง เพื่อรับพลังกุศลธรรมและวิมุตติธรรม จากองค์พระบรมธาตุได้เต็มที่ ทำให้มีสมาธิใน การสักการะ พร้อมตั้งอธิษฐานจิต
*อานิสงส์การสรงน้ำพระบรมธาตุ มีมากมาย อาทิ
---1.ทำให้เย็นกาย เย็นใจ ดับทุกข์และความเดือดร้อนต่างๆ
---2.ทำให้จิตใจสดชื่น สะอาด และมีสติ
---3.อานิสงส์นี้ สามารถแผ่ให้บรรพบุรุษ ญาติมิตร สรรพสัตว์ วิญญาณทั้งหลายได้เป็นอย่างดี
---4.บางครั้งพระบรมธาตุ จะเรืองแสง ฉายรัศมีหรือกระจายฉัพพรรณรังสี และวิมุตติธรรมมายังผู้สรงน้ำ เป็นมหามงคลยิ่ง เคราะห์ร้ายหมดไปอย่างสิ้นเชิง
---5.น้ำสะอาด, น้ำกลั่น อาจประทินของหอม, ลอยดอกมะลิ หรือกลีบกุหลาบ หรือเจือน้ำอบอ่อนๆ
*อานิสงส์การทำบุญกับพระบรมธาตุ
---1.ถวายฉัตรยอดพระเจดีย์ ส่งผลให้ได้รับการเคารพยกย่อง, เกิดในตระกูลสูง, มีสง่าราศี
---2.ถวายทองคำ อานิสงส์ให้ผิวพรรณงามเปล่งปลั่ง, บริบูรณ์มั่งคั่ง
---3.ถวายเงิน ทำให้ใจสว่างไสว, อยู่เย็นเป็นสุข
---4.ถวายอัญมณี อานิสงส์ให้มีราศี, รัศมีกายทิพย์สว่างสดใส, ประสบโชคดี
---5.ถวายพระเครื่อง ส่งผลให้มีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรค, มีคนช่วยเหลือยามมีอุปสรรค
---6.ถวายแผ่นทองคำเปลวปิดองค์พระเจดีย์ อานิสงส์ให้ผิวพรรณงาม, มีราศี, ใจสว่าง, สดใสและอบอุ่นใจ
---7.ถวายอิฐ หิน ปูน ทราย ส่งผลให้มีชีวิตมั่นคง, จิตใจหนักแน่น, ไม่โลเล
---8.สร้างองค์พระเจดีย์ ส่งผลให้ได้รับสิ่งที่พึงปรารถนา, สุขภาพดี , ไม่มีอด
---9.ถวายธงหลากสีประดับองค์พระธาตุ ทำให้มีสง่าราศี, กายทิพย์สว่าง
---10.ถวายเทียน หรือโคมไฟ อานิสงส์ให้ใจสว่าง, มีชีวิตสะดวกสบาย, อุปสรรคลดลง, มีปัญญาธรรมสูงขึ้น สู่วิถีทิพย์เนตร
---11.ถวายดอกไม้ต่างๆ ส่งผลให้ใจสงบสะอาด, เป็นสุขสดชื่น
---12.ถวายธูป หรือเครื่องหอม ทำให้ใจอบอุ่นมั่นคง, จิตสว่าง, อุปสรรคลดลง, มีกลิ่นกายสะอาดสดชื่นอยู่เสมอ
---13.ถวายแผ่นดินปูพื้นเจดีย์ ส่งผลให้มีบริวารดี, มีสมาธิดีขึ้น, มีเวลาปฏิบัติธรรมมากขึ้น
---14.ถวายกระจกสีประดับองค์พระเจดีย์ ทำให้กายทิพย์สว่าง, มีสง่าราศี, เป็นที่ศรัทธาแก่คนทั่วไป, เห็นความดีในตัว
---15.ถวายผ้าเหลืองครองหุ้มองค์พระเจดีย์ มีอานิสงส์เพิ่มเนกขัมมบารมี, ใจสงบ, เข้าสู่วิมุตติธรรมเร็วขึ้น
---16.สรงน้ำพระธาตุ ทำให้ใจสะอาด, สงบ, สว่างขึ้น, กายและใจสดชื่น, สุขภาพดี
---17.ถวายข้าว, อาหาร บูชาพระธาตุ ส่งผลให้อุดมสมบูรณ์, อิ่มอกอิ่มใจ , สุขภาพดี
---18.เวียนเทียนรอบองค์พระธาตุ อานิสงส์เป็นสิริมงคล, ทำให้จิตใจสูงขึ้น, สะอาด เป็นการเพิ่มวิสัยปัจจัยแห่งกุศลธรรม
---19.แสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อพระธาตุจากใจจริง ทำให้เป็นที่เคารพยกย่อง, มักไม่มีใครเข้าใจผิด, ได้บารมีวิมุตติธรรมจากพระบรมธาตุ สู่วิสุทธิมรรค ผลนิพพานเร็วขึ้น
---20.เป็นเจ้าภาพ หรือมีส่วนช่วยจัดงานฉลองพระธาตุ ทำให้ประสบความสุขในชีวิต, อุดมมั่งคั่ง, เป็นที่เคารพยกย่องมีคนช่วยเหลือเสมอ
---21.บูรณะซ่อมแซมเจดีย์พระบรมธาตุ อานิสงส์ให้สุขภาพดี, อายุยืน, บุคลิกผิวพรรณดี, ฐานะมั่นคง
---22.สร้างเจดีย์พระบรมธาตุ ส่งผลให้ชีวิตมั่นคง, มีความสุขสมความปรารถนา, เป็นที่เคารพยกย่อง เข้าสู่มรรคผลนิพพานเร็วขึ้น
---23.ถวายพระบรมธาตุเพื่อบรรจุในเจดีย์ มีอานิสงส์เป็นที่เคารพยกย่อง, มีความสุขสมความปรารถนาในชีวิต, ประสบแต่สิ่งดี, ได้อริยมรรคผล นิพพานเร็วขึ้น
---24.ถวายภาชนะบรรจุพระบรมธาตุในเจดีย์ ทำให้ชีวิตมั่นคงปลอดภัย, มั่งคั่ง, บริวารดี, มีเกียรติ, เป็นที่ยกย่องแก่คนทั่วไป
---25.ถวายบทสวด เทปบทสวดบูชาพระธาตุ ส่งผลให้เป็นที่ยกย่องสรรเสริญจากผู้คนทั่วไป, ได้ยินได้ฟังและได้พบแต่สิ่งดีๆ มีเสียงใส ไพเราะ วาจาดี, งดงาม, สมาธิดี
*อานิสงส์บูชาพระบรมสารีริกธาตุ - พระธาตุ
---1.ไม่ตายด้วยคมศาสตรา-อาวุธของศัตรูผู้มุ่งร้าย
---2.ปัญหาอุปสรรคผ่านพ้น ขอให้ตั้งใจจริงบูชาจริง
---3.ประกอบการค้าพาณิชย์ จะเจริญรุ่งเรืองไพบูลย์
---4.รับราชการ ยศ ตำแหน่งจะเจริญขึ้นเร็ว และเจริญขึ้นเรื่อยๆ
---5.มีเมตตาเสน่ห์มหานิยม มหาโชค-มหาลาภ และคลาดแคล้ว
---6.เทวดาอารักษ์คุ้มครองรักษาตลอดกาล
---7.ครอบครัวเป็นสุข สงบ ร่มเย็น และเจริญรุ่งเรือง
---8.มีฤทธิ์เดช อำนาจ วาสนา บารมีแผ่ไพศาล บริวารจะเคารพ หมู่ชนจะยำเกรง อานิสงส์เป็นไปตามอธิษฐาน
*อานิสงส์การสร้างพระเจดีย์
---1.เป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ ไม่ประมาทมัวเมาในชีวิต
---2.เป็นที่รักของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
---3.เมื่อใกล้ดับขันธ์ไม่หลงลืม
---4.ย่อมได้เกิดในประเทศที่เหมาะสมสำหรับสร้างบารมี
---5.ย่อมไปบังเกิดในสวรรค์เมื่อยังไม่หมดกิเลสในพระพุทธศาสนา
---6.ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรม บรรลุมรรคผล นิพพานโดยง่าย
*การบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
---บรรจุในเจดีย์, ผอบแก้วหรือโถกระเบื้อง มีฝาครอบ อัญเชิญไว้ในที่สูง เหมาะแก่การกราบไหว้
---สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ น้อมใจระลึกถึง พระคุณของพระพุทธเจ้า ว่ามีพระคุณยิ่งใหญ่ประมาณมิได้ ต่อสัตว์โลก
---การจะมีข้าวตอก ดอกไม้ เครื่องหอม เป็นเพียงส่วนประกอบ หากบูชาด้วยสิ่งเหล่านั้นอยู่เป็นประจำ แต่จิตใจไม่เคยน้อมคิดถึงพระคุณท่านเลย การบูชานั้นก็เป็นเพียง "อามิสบูชา"
---การบูชาที่แท้จริง คือ การปฏิบัติบูชา ได้แก่ การปฏิบัติตามคำสอนของท่านซึ่งจะทำให้เกิดผลดีกับตนเอง อันจะทำให้เกิดศรัทธาและระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของท่านอย่างลึกซึ้งเข้าไปในจิตใจ
*พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาด้วยคำอธิษฐาน และเสด็จไปได้ เมื่อปฏิบัติไม่ถูกต้อง
---การปฏิบัติบูชาที่ถูกต้อง มีผลานิสงส์มากนัก อาจทำให้สำเร็จประโยชน์และสุขสมบูรณ์ได้ทั้งชาตินี้ และชาติหน้า หรือประโยชน์อย่างยิ่ง คือ "พระนิพพาน"
---พระบรมสารีริกธาตุ เป็นของหายาก และมีค่ายิ่ง
---การได้กราบไหว้บูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุนี้ มีผลานิสงส์มากเท่ากับได้บูชาสักการะพระพุทธเจ้า มีพระชนม์อยู่ นับว่าเป็นมหามงคล และให้อานิสงส์แก่ผู้สักการะอย่างหาที่เปรียบมิได้ ทำให้ประสบ ความสำเร็จ และความสุขสมปรารถนาทั้งในชาตินี้และชาติหน้าตราบเข้าสู่นิพพาน
---ผลานิสงส์ที่บังเกิดแก่ผู้ที่มีความเคารพเลื่อมใสและกระทำสักการะโดยสุจริตเท่านั้น
*พระคาถาอัญเชิญเสด็จพระบรมสารีริกธาตุ*
(นะโม 3 จบ)
อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง พุทธปิติอิ
*คำตั้งสัจจาธิษฐานในการกราบบูชาพระบรมสารีริกธาตุ*
(นะโม 3 จบ)
อิมัสสมิญจะ พุทธะเจติเย สุปุติฏฐิตัง ปะระมะสารีริกะธาตุง อภิปูชะยามะ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ
---ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึก ข้าพเจ้าขอกราบนอบน้อมบูชา พระคุณของพระพุทธองค์ ผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาและพระกรุณา อันหาประมาณมิได้ ที่ได้ทรงเสียสละ สั่งสมพระบารมีเพื่อทรงตรัสรู้และประกาศพระธรรม นำเวไนยสัตว์ออกจากสังสารวัฏฏ์
---ข้าพเจ้าขอน้อมจิตและกายวาจา บูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ ด้วยความเลื่อมใสยิ่ง ขอตั้งสัจจาธิษฐาน ด้วยอานิสงส์ผลแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำในวันนี้ ขอจงเป็นพลวปัจจัยให้ถึงซึ่งพระนิพพาน
---องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ธรรมอันใด ขอให้ข้าพเจ้ามีส่วนแห่งธรรมของพระองค์นั้นด้วย แม้ต้องเกิดอยู่ในภพชาติใดๆ ขอเกิดภายใต้ร่มเงาแห่งพระบวรพุทธศาสนา มีกรรมสัมพันธ์อันดี มีโอกาสได้พบสัตบุรุษ ผู้รู้ธรรมอันประเสริฐ
---ให้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตร และเป็นสัมมาทิฏฐิทุกชาติไป ให้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังธรรม ประพฤติธรรม จนเป็นปัจจัยตามส่งทั้งชาตินี้และชาติหน้าต่อๆ ไป ให้เจริญด้วยสติ และปัญญาญาณ จนถึงพระนิพพานในกาลอันควรเทอญ
*พระคาถาบูชาพระบรมสารีริกธาตุ
---อะหัง วันทามิ ธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพโส พุทธัง ธัมมัง สังฆัง เอวัง ธาตุโย จัตตารี สะสะมา ทันตา เกสา โลมา นะขา ขจี อะหังวันทามิ ธาตุโย อภิปูชยามิ
*สวดสรรเสริญพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
---อะหัง วันทามิ อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ปูชะนัตถายะ พรหมะโลเก สะเทวะมนุสสะโลเก ปติฏฐะมานา ปะระะมะสารีริกะธาตุโย เจวะ ธาตุโย จะมัยหัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ
---ข้าพเจ้า ขอกราบวันทา พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุทั้งหลาย ที่ประดิษฐานอยู่ในพรหมโลก ทั้งในเทวโลกและมนุษย์โลก เพื่อต้องการบูชาพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุข เพื่อความพ้นทุกข์แก่ข้าพเจ้า สิ้นกาลนานเทอญฯ
---ขณะเมื่อสวดมนต์ไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันต์ธาตุ จงตั้งใจสวดภาวนาด้วยพระคาถานี้ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอรหันตสาวกทั้งหลาย ตั้งจิตอธิษฐาน ปรารถนาความดีงาม หมั่นให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เป็นต้น จะเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัวสืบไป
*อานิสงส์การร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์*
---อานิสงส์การร่วมบุญสร้างพระธาตุเจดีย์ การสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หรือ อัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชาได้แก่ พระพุทธเจ้า, พระปัจเจกพุทธเจ้า, พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิ เป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด เมื่อตายไปย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์ ย่อมได้ดวงตาเห็นธรรมและบรรลุมรรคผลนิพพานโดยง่าย
---การมีส่วนร่วมสร้าง พระเจดีย์จะมากหรือน้อย ถ้าทำด้วยความเลื่อมใส ก็ย่อมได้อานิสงส์มากมาย ดังตัวอย่าง ที่หยิบยกมาให้ท่านได้อ่านต่อไปนี้
---พระเถระรูปนี้ ในชาติก่อนมีส่วนร่วมสร้างเจดีย์ เพียงท่านใส่ก้อนปูนขาวลงในช่องแผ่นอิฐ ซื่งประชาชนกำลังก่ออิฐสร้างเจดีย์อยู่ เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้วยจิตใจที่เลื่อมใส อำนาจแห่งบุญนั้นได้บันดาลให้ท่านไปเกิดในสวรรค์ แลโลกมนุษย์ถึง ๙๔ กัปป์ พอมาถึงสมัยพระพุทธเจ้าสมณโคดม ท่านได้มาบวชในพระพุทธศาสนาท่านคือ "พระสุธาบิณฑิยเถระ"
---และยังมีเรื่องเล่าจาก "พระมหาโมคคัลลานะเถระ" ว่าท่านได้พบเทพบุตรตนหนึ่ง มีวิมานสวยงามวิจิตรตระการตา แวดล้อมด้วยนางฟ้าจำนวนมาก มาฟ้อนรำขับร้องให้เบิกบานใจ และเทพบุตรตนนี้ มีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือเทพบุตรทั้งปวง
---ท่าน จึงถามเทพบุตรตนนั้นว่า "เมื่อท่านเป็นมนุษย์ได้ทำบุญอะไรไว้หรือ ท่านถึงมีอานุภาพมาก มีรัศมีสว่างไสวไปทั่วทุกทิศอย่างนี้"
---เทพบุตรตนนั้นตอบว่า "แต่ก่อนเมื่อเป็นมนุษย์ได้มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ได้ออกบวชอยู่ ๗ พรรษา และเป็นสาวกของพระศาสดานามว่า "สุเมธ" ต่อมาได้ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว พระบรมสารีริกธาตุของท่านบรรจุไว้ในรัตนเจดีย์ ซึ่งห่อหุ้มด้วยข่ายทองคำ ท่านได้ชักชวนประชาชนให้ไปสักการะบูชาด้วยความเลื่อมใส กุศลจะส่งผลให้ขึ้นสวรรค์ ด้วยบุญนี้เองทำให้ข้าพเจ้าได้มาเสวยสุขอยู่ในทิพย์วิมานนี้เอง"
---ส่วน "พระมหากัสสปะเถระ" นั้น ท่านได้พบเปรตตนหนึ่ง มีกลิ่นเหม็นเน่า มีหนอนกินปาก นอกจากนี้ ยังถูกยมบาลเฉือนปาก แล้วราดน้ำให้แสบร้อน จึงถามถึงผลกรรมของเปรตนั้น
---ทราบว่า แต่ก่อนตอนเป็นมนุษย์ ตนเป็นชาวนครราชคฤห์ ได้ห้ามมิให้บุตรภรรยาบูชาพระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมกับเล่าถึงพวกที่มีความคิดและกระทำเหมือนตน
---ส่วนภรรยาและบุตรของตนได้ไปเสวยสุขอยู่บนสวรรค์ มีวิมานสวยสดงดงามเพราะอานิสงส์ที่ได้ไปใหว้พระบรมสารีริกธาตุ สำหรับตนเองนั้นตั้งใจไว้ว่า หากได้เกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง จะทำการบูชาพระสถูปเจดีย์ให้มากอย่างแน่นอน
---นอกจากนี้ ในครั้งพุทธกาล "พระเจ้าปัสเสนทิโกศล" ได้เสด็จไปยังเมืองสาวัตถี พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพารเป็นอันมาก ครั้นถึงหาดทรายริมฝั่งแม่น้ำ พระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นทรายขาว ผ่องบริสุทธิ์ยิ่งนัก ทรงมีพระทัยเลื่อมใสอย่างแรงกล้า ได้รับสั่งให้ช่วยกันก่อกองทรายให้เป็นรูปเจดีย์ถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ มองดูเป็นทิวแถวสวยงาม เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา
---เสร็จแล้วได้เสด็จไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ที่บุบผารามมหาวิหาร แล้วได้ทูลถามถึงอานิสงส์แห่งการก่อเจดีย์ทราย พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ขอถวายพระพรมหาบพิตร ผู้มีศรัทธาแรงกล้า ได้ก่อเจดีย์ทรายถึง ๘๔,๐๐๐ องค์ หรือแม้แต่องค์เดียว ก็ย่อมได้รับอานิสงส์มาก จะไม่ตกนรก ตลอดร้อยชาติ
---ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ จะอุดมสมบูรณ์ทุกอย่าง มีชื่อเสียงเกียรติยศไปทั่วทุกทิศ จากนั้นจะได้ไปสวรรค์เสวยทิพย์สมบัติ
---การก่อเจดีย์ทราย เป็นเรื่องของผู้มีความฉลาด มีความคิดดี ได้ทำเป็นประเพณีมาแล้วในอดีต แม้พระตถาคตเอง ก็เคยทำมาแล้วในครั้งเป็นพระโพธิ์สัตว์
---ในครั้งนั้น ตถาคตยากจนมาก มีอาชีพตัดฟืนขาย วันหนึ่งได้พบทรายขาวสะอาดมากในราวป่า ก็มีจิตใจศรัทธาผ่องใส วันนั้นได้หยุดตัดฟืนทั้งวัน ได้กวาดทราย ก่อเป็นเจดีย์ โดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก แล้วเปลื้องผ้าห่มของตน ฉีกทำเป็นธงประดับไว้ เพื่อบูชาพระติสสะสัมมาสัมพุทธเจ้า
---แล้วอฐิษฐานจิต "ขอให้เป็นปัจจัยแห่งพระโพธิญาณในอนาคตกาล" ครั้นเมื่อตายไปแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์อยู่ ๒ พันปีพิพย์ เมื่อสิ้นอายุขัย ได้อุบัติมาเกิดเป็นพระตถาคตนี้เอง สำหรับพระเจ้าปัสเสนทิโกศลนั้น ก็ได้รับพยากรณ์ว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า
---และพระมหากัสสปะเถระ ยังได้กล่าวถึงประวัติและผลบุญแห่งการสร้างพุทธเจดีย์ของท่านไว้ดังนี้
---ในครั้งที่พระพุทธเจ้ามีนามว่า "ปทุมมุตตระ" พระองค์ได้ปรินิพพานแล้ว พระมหากัสสปะเถระได้ชักชวนหมู่ญาติมิตร และประชาชน ให้มาร่วมกันสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อบูชาพระพุทธเจ้ากันเถิด
---ทุกคนมีจิตเลื่อมใส ปิติอิ่มเอมใจ จึงได้ช่วยกันสร้างเจดีย์สูงค่าเสร็จลง ด้วยความเรียบร้อย เจดีย์สูงร้อยศอก สร้างปราสาท ห้าร้อยศอก สูงตระหง่านจรดท้องฟ้า
---ทุกคนมีจิตปิติเบิกบาน ในอานิสงส์บุญที่ได้พากันทำไว้ เมื่อท่านตายไปแล้ว ได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่บนยานทิพย์เทียมด้วยม้าสินธพ พันตัว, วิมานของท่านสูงตระหง่านเจ็ดชั้น, มีปราสาทหนึ่งพันองค์, ซึ่งสร้างด้วยทองคำ, ศาลาหน้ามุขสร้างด้วยแก้วมณี, ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วสารทิศ
---ทั้งยังมีอำนาจเหนือเทวดาทั้งปวง, เมื่อลงมาเกิดในโลกมนุษย์ ในกัปป์ที่หกหมื่นในภัทรกัปป์นี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ ครอบครองอาณาเขตไปถึง ๔ ทวีป มีแก้วแหวนเงินทองมากมาย ประชาชนมีความสุขสำราญเหมือนดั่งเมืองบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
---และชาติสุดท้าย ได้มาเกิดในสกุลพราหมณ์ที่ร่ำรวย แต่สละทรัพย์ออกบวช จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ผู้เลิศด้วยปฏิสัมภิทา ๔, วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖
---การไหว้พระธาตุ ถือเป็นการเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ชีวิตเป็นอย่างยิ่ง เพราะการบูชาพระธาตุ อันเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญมาสู่ผู้ที่บูชา รวมทั้งอานิสงส์ผลบุญที่ได้จากการกราบไหว้บูชา ยิ่งหากใครบูชาด้วยจิตใจศรัทธาอันบริสุทธิ์ และหมั่นกราบไหว้เมื่อมีโอกาส อานุภาพความศักดิ์สิทธิ์ของพระธาตุ จะดลบันดาลให้เกิดสิริมงคลในชีวิตแก่ตัว ผู้บูชาฯ
.......................................................................................................
ที่มา... 1. หนังสือพระธาตุเจดีย์และรอยพระพุทธบาทอันศักดิ์สิทธิ์ในประเทศไทย
สนับสนุนเผยเเพร่เเละปฏิบัติธรรมตามพุทธวจนเถรวาท
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
(แก้ไขแล้ว ปานรดา)
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 22 กันยายน 2558
ความคิดเห็น