ชำแหละกฎแห่งกรรม
โดย ร.ต. เจ้าประเวศ ณ เชียงใหม่
(เรื่องที่ ๑ ทำไมบางคนทำงานน้อย แต่ได้ผลมาก)
*(๑)คนบางคนทำงานรวดเร็ว
---รีบด่วน งานเสร็จหลายชิ้นหลายอัน ในช่วงเวลาอันสั้น แต่ขณะที่เขาทำงานนั้น เขามุ่งแต่เฉพาะงานของเขา ไม่คำนึงว่าการกระทำของตนจะขัดขวางผลประโยชน์ วิถีการทำงานของคนอื่นหรือไม่
---ปัดกวาดหยากไย่ให้เสร็จ ไม่พิจารณาว่าฝุ่นจะตกบนหัวใคร
---ล้างถ้วยชามให้เสร็จ ไม่ว่าใครจะรอใช้อ่างล้างมือหรือไม่
---ธุระของตนก่อน ของคนอื่นทีหลัง ด้วยการฝึกฝนตนเองเช่นนี้ เกิดในภพใดชาติใด จะเป็นคนเร่าร้อน อยู่ไม่เป็นสุข ทำงานมากแต่ได้ผลงานน้อย ทำงานได้ผลงานขาดตกบกพร่องเสมอ
*(๒)คนบางคนทำงานอย่างช้าๆ
---นิ่มนวล คำนึงถึงผลงานของตนและผลงานของคนอื่นพร้อมกันไปด้วย ถ้างานของตนจะช้าไปบ้างเพื่อความดีงาม เพื่อสุขภาพจิต หรือเพื่อถนอมน้ำใจเพื่อนฝูงคนข้างเคียง ก็ยินดีรอ
---จะปัดกวาดหยากไย่ ก็ขออนุญาตบอกกล่าวให้ผู้อื่นลุกหนีเสียก่อน
---ใช้ห้องน้ำห้องส้วม เมื่อเห็นว่ายังมีคนรอก็เร่งธุระ ถ่ายอุจจาระ แล้วออกมาล้างหน้าแปรงฟันข้างนอก
---ด้วยผลกรรมอันกระทำมาในอดีตชาติ เกิดมาในภพนี้จึงเป็นคนโชคดี ทำงานน้อยได้ผลมาก ในสายตาคนอื่นอาจจะเห็นว่าเขาเกียจคร้าน แต่เขาก็สามารถผลิตผลงานออกมาไม่น้อยหน้าผู้ใด
*(๓)"พันธ์ทิพย์" มีบริวาร
---คนรับใช้ ทำงานดี ซื่อสัตย์ พันธ์ทิพย์สำนึกในบุญคุณ จึงจ่ายเงินให้ข้าวของเป็นพิเศษ นอกเหนือจากเงินค่าจ้างตามสัญญา เอาใจใส่ดูแลลูกน้องยามเจ็บไข้ได้ป่วย พันธ์ทิพย์มีโอกาสทำบุญทางศาสนาไม่บ่อยครั้งนัก
---"บัวลอย" ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพันธ์ทิพย์ ก็มีคนรับใช้และบริวารที่มีความสามารถและซื่อสัตย์ ไม่แพ้ลูกน้องพันธ์ทิพย์ แต่บัวลอยไม่เอาใจใส่ดูแลให้สวัสดิการแก่คนรับใช้เลย จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาเท่านั้นเอง บัวลอยชอบไปทำบุญทำกุศลที่วัดเป็นประจำ
*อานิสงส์ต่างกัน
---พันธ์ทิพย์จะสามารถทำงานได้ผลสำเร็จด้วยทุนอันน้อย ประกอบการค้าได้กำไรงดงาม
---บัวลอย จะมีอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน และที่ทำงานมากกว่าของพันธ์ทิพย์ แต่ใช้ประโยชน์จากเครื่องมือได้น้อย ใช้ไม่เป็น ทำงานมากได้กำไรน้อย เพราะเงินค่าดำเนินงานสูง
---คนที่ทำบุญได้ผลดี ได้อานิสงส์มากนั้น จะต้องปฏิบัติหน้าที่ในความรับผิดชอบโดยไม่บกพร่อง
*(๔)บุคคลที่มีใจอารี มีน้ำใจ พร้อมเสนอที่จะช่วยเหลือคนข้างเคียง
---ไปจ่ายตลาดก็ถามเพื่อนบ้าน (ที่ดี) ว่าจะฝากซื้ออะไรบ้าง แล้วก็บริการให้เท่าที่เห็นว่าสมควร
---ไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เห็นที่บ้านท่านน้ำกิน น้ำใช้แห้ง หม้อพร่องตุ่ม ก็จัดการเติมให้เต็ม
---ไปบ้านเพื่อน เพื่อนเป็นไข้นอนซมอยู่ อาการไม่รุนแรงนัก แต่ร่างกายต้องการพักผ่อน ก็ช่วยซื้อยา ซื้ออาหารอ่อนให้เพื่อนกิน บุคคลที่มีน้ำใจอารี ชอบบริการคนที่ตนพอจะอนุเคราะห์ช่วยเหลือได้ ทำเป็นประจำ เช่นนี้ ในวัยชรา จะมีคนเอาใจใส่ดูแล ไม่ต้องอยู่อย่างเงียบเหงาว้าเหว่เดียวดาย เกิดภพใหม่ชาติใหม่ จะเป็นคนโชคดี
---นึกจะก่อสร้างเรือนโรงร้านค้า ก็สามารถตามพบตัวนายช่างได้โดยง่าย
---ประสงค์จะประกอบกิจกรรมบางอย่าง ก็เสาะแสวงหาวัสดุได้ใกล้ๆ ตัวนั้นเอง ชีวิตของเขาจะไม่ต้องรอคอยใครนานเลย
---อยากซักผ้า คนซักผ้าก็ผ่านมาที่บ้านพอดี ไม่ต้องหอบผ้าไปส่งให้เขา
*หมายเหตุ - มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ระหว่างทานกับการมีน้ำใจ
---๑.ทำบุญทำทาน ก่อสร้างอาคารอุทิศถวายตัว ทำให้ร่ำรวย มีกินมีใช้ มีหลักฐาน
---๒.ใจอารี เอื้อเฟื้อคนที่เกี่ยวข้อง จะทำให้โชคดีทางด้านการติดต่อ ประกอบการงานคล่อง ไม่ติดขัด
---บุคคลควรประกอบกรรมทั้งสองประการข้างต้นพร้อมกันไป
(เรื่องที่ ๒ เหตุทำดีไม่ได้ดี)
---ถ้ามีความรู้สึกว่าทำดีไม่ได้ดี จะต้องพิจารณาดูว่า ได้มีความชั่ว หรือสิ่งไม่ดีไม่งามบางอย่างแทรกซ้อนปะปนอยู่ในการทำความดีนั้นหรือไม่
---(๑)ทำดีกับคนเลว กับคนเนรคุณ ได้ผลดีน้อยมาก หรือไม่ได้เลย ทำดีกับคนดี ได้ผลของความดีมากมาย
---(๒)ขยัน ในจังหวะที่คนหมู่มากขยันขันแข็ง ความขยันจะช่วยพยุงตัวเองไว้ ไม่ให้น้อยหน้าใคร ขยันหมั่นเพียรในเวลาที่คนส่วนใหญ่เกียจคร้าน ความขยันจะช่วยผลักดันให้ตัวเองสูงส่ง
---(๓)ตัวเองทำดีเสมอ แต่ขณะเดียวกันก็ขัดขวางความดีของผู้น้อย หรือกันท่าไม่ให้เพื่อนฝูงทำดี
*ผลกรรม การเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งแต่ละครั้ง มีคนคอยขัดขวาง หรือมีคนอื่นตัดหน้าแซงคิวไปก่อนเสมอ
---(๔)ตัวเองทำความดีเสมอ แต่โอกาสเดียวกันก็ทำความชั่วไปด้วย คือ ความดีมีความชั่วเป็นตัวถ่วง ผลของกรรมดีจึงชักช้า หรือผลของกรรมดีมีความทุกข์แทรกซ้อนปะปนไปด้วย
---(๕)ตัวเองทำความดีเสมอ แต่ไม่ห้ามปรามบริวาร คนข้างเคียงทำความชั่ว ปล่อยให้คนในบังคับบัญชาทำความผิด ทำบาปโดยไม่ตักเตือนท้วงติง ความดีจะสนองตอบผู้กระทำด้วยทรัพย์สมบัติ ด้วยตำแหน่งหน้าที่การทำงาน แต่สิ่งที่ได้มา ไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเท่าที่ควร กลับเป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆ เป็นส่วนใหญ่ ได้รถประจำตำแหน่ง น้องเมียเอาไปใช้ มีคนรบกวนหยิบยืมของใช้ หรือสมบัติส่วนตัว
---(๖)ตนเองประพฤติดี ประพฤติชอบเสมอ แต่ริษยากลัวคนอื่นจะได้ความดีเท่าเทียมตัว หรือมากกว่าตัว จึงกลั่นแกล้งหน่วงเหนี่ยวผลงานของคนอื่นไว้ รีบเสนอแต่ความดีของตนไปก่อน
---ความริษยาจะทำให้ผลของความดีของตนเองสนองตอบช้า ขัดข้องด้วยระเบียบข้อบังคับ ล่าช้า เพราะดินฟ้าอากาศ
---เงินเดือนเต็มขั้นนานแล้ว ยังไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง ต้องรอต่อไป เพราะไม่มีตำแหน่งว่าง
---ผู้ใหญ่ที่จะช่วยเหลือสนับสนุน เอาหลักฐานสำคัญไปทำหาย
---ร่มโพธิ์ร่มไทรของตนเอง ล้มหายตายจาก ไม่ทันได้อุ้มชู้เลี้ยงดูกันอย่างเต็มที่
---(๗)ตนเองทำความดีอย่างสม่ำเสมอ แต่หวั่นเกรงว่า คนอื่นจะได้ดีเท่าเทียมตนหรือเหนือกว่าตน จึงได้พยายามยุยงให้คนอื่นทำความชั่ว สนับสนุนให้คนอื่นทำความผิด เพื่อว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ตนเองจะได้เป็นคนดี เด่นอย่างไม่มีผู้แข่งขัน
*ผลกรรม ความดีของเขาจะปรากฎว่า
---มีผู้ใส่ร้าย มีผู้โจมตีให้เสียหาย กว่าจะมีผู้รู้เห็นความดีของตนเอง ก็ต้องมีคดี มีข้อพิพาทมากมาย มีความยุ่งยาก มีข้อขัดข้องเกี่ยวกับความเป็นอยู่ เช่น ลูกน้องขับรถไปชนคนบาดเจ็บ บริวารไปกู้หนี้ยืมสินแล้วหนี ทิ้งหนี้ไว้
---(๘)ตนเองเป็นคนที่ทำงานอย่างขยันขันแข็ง เห็นผู้อื่นซึ่งทำงานน้อยกว่าตน กลับได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงส่งกว่าตนเอง ประสงค์จะได้ดีมีอำนาจเช่นคนอื่นบ้าง จึงคอยจับผิด เพ่งโทษผู้ที่อยู่เหนือกว่าตน รายงานลับฟ้องร้องไปยังผู้บังคับบัญชา
*ผลกรรม ทุกครั้งทุกหนที่ได้ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงเด่นขึ้น
---จะปรากฎว่าน้ำใจจากผู้ร่วมงานลดน้อยถอยลงไป เกิดความระแวงแคลงใจ อยู่ไม่เป็นสุข ยิ่งทำงานนาน ตำแหน่งก็สูงขึ้น แต่เพื่อนฝูง คนรักคนชอบพอลดน้อยลงไป คือ ได้ความเจริญก้าวหน้า แต่สูญเสียมิตรภาพ
---(๙)ในการทำบุญทำกุศลทุกครั้ง เขามักจะบีบบังคับให้เพื่อนฝูงหรือบริวารชน ตระเตรียมงานบุญนั้นแทนตน คือ ทำบุญคราวใดต้องเดือดร้อนคนข้างเคียงเสมอ
*ผลกรรม ทุกครั้งที่ตนมีโชคลาภ
---หรือได้รับผลประโยชน์ จะต้องมีเหตุการณ์ทำให้โชคลาภนั้นหมดสิ้นไปโดยเร็ว รับเงินทอง เข้าบ้านมาวันนี้ พรุ่งนี้เพื่อนสนิทคนหนึ่งเข้าบ้านมาขอยืมเงิน
---(๑๐)ในอดีตชาติ -เขาชอบเลี้ยงสัตว์ขังกรง ปรนเปรอให้ข้าวน้ำอาหารเป็นอย่างดี เขาชอบหน่วงเหนี่ยวควบคุมบริวารชนไว้ไม่ยอมให้ออกไปท่องเที่ยว แม้ปัจจุบัน เขาจะประกอบกุศลกรรมมากมายหลายอย่าง ผลของกรรมดีก็จะตอบแทนเขาอย่างอึดอัดรำคาญใจ หรือไม่สบายใจนัก เป็นครูสอนที่จังหวัดเชียงใหม่ งานการก้าวหน้าตามลำดับ จนกระทั่งได้เป็นผู้ช่วยครูใหญ่ งานก็หยุดชะงัก อยากได้ตำแหน่งครูใหญ่ ก็จะต้องย้ายไปอยู่ในจังหวัดที่แห้งแล้ง
*ผลกรรม ของการเลี้ยงสัตว์ขังกรง
---จะผูกมัดตัวของผู้กระทำเข้าไว้กับสถานที่หรือเหตุการณ์ จะออกจากบ้านไปเที่ยวเตร่ ก็ไม่มีใครอยู่ดูแลบ้าน จะทอดทิ้งงานเพื่อไปเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ ก็หาคนรับงานแทนไม่ได้ เลี้ยงกล้วยไม้ไว้เป็นงานอดิเรก กล้วยไม้กำลังอยู่ในระยะเอาใจใส่ดูแล ได้รับคำสั่งให้เดินทางไปต่างจังหวัด
(เรื่องที่ ๓ เหตุใดน้ำผึ้งขม)
*(๑)อดีตชาติ เขาเคยยุยงสามีภรรยาคู่อื่นๆ ให้แตกแยกกัน ให้บาดหมางระแวงสงสัยกัน
---ชาตินี้ เขาจึงพบกับความรักที่เต็มไปด้วยความหึงหวง ไม่ไว้วางใจคู่รักคู่ครอง อาจมีเรื่องต้องแยกทางกันด้วยความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ แล้วไม่ยอมปรับความเข้าใจกัน
*(๒)อดีตชาติ เขาและเธอเคยร่วมกันล่าสัตว์
---จับสัตว์มาฆ่าเป็นอาหาร หรือจับสัตว์ขาย ทำให้สัตว์นั้นต้องแตกแยกกัน ญาติพี่น้องหมู่ฝูงของมันมาอยู่ในที่จำกัด
---ชาตินี้ เขาและเธอต้องล้มหายตายจากกัน หรือแยกทางกันเดิน ตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว อยู่กินด้วยกันไม่นาน
*(๓)อดีตชาติ เขาและเธอ มีจิตใจประกอบด้วยกุศลและอกุศล
---แตกต่างกันมากมาย เธอประกอบแต่กรรมดี เขาเฉยๆ เรื่อยๆ สุดแท้แต่เธอจะจัดทำ เขาไม่ขัดขวาง ไม่สนับสนุนแต่ประการใด
---ชาตินี้ เขาและเธอมาเป็นสามีภรรยากันอีก หญิงจะมีบุญบารมีเหนือกว่าชาย โภคทรัพย์ ความสุขภายในบ้าน สุดแท้แต่หญิงจะบันดาลสร้างสรรขึ้นมา สามีเป็นช้างเท้าหลัง ไร้เกียรติ ไร้อำนาจ เป็นคนจ๋อง เป็นคนเศร้าซึม ไม่มีสง่าราศีในที่ชุมชน ชีวิตภายนอกมีความสุข แต่ชีวิตภายในต้องขมขื่น น้อยเนื้อต่ำใจ
*(๔)อดีตชาติ หญิงเคยเบียดเบียนชาย
---โขกสับ วางอำนาจเหนือ ไม่ให้ความเคารพ ดูถูกดูหมิ่นสารพัดจะทำด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ ชายแอบไปประกอบการบุญการกุศลตามลำพัง อธิษฐานขอให้พ้นจากบ่วงกรรม อย่าต้องได้ร่วมภพ ร่วมชาติกับหญิงนั้นอีก
---ชาตินี้ หญิงนั้นจะถูกชายอีกรายหนึ่ง ย่ำยีหัวใจ เอาเปรียบทารุน โหดร้าย มีสามีเป็นแมงดา
*(๕)อดีตชาติ หญิงชายเคยเป็นสามีภรรยากัน
---รักใคร่สนิทสนมกันดี ช่วยกันดี ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวเป็นหลักฐาน แต่หญิงชายคู่นั้น ไม่ระลึกนึกถึงบุญคุณของพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ ผู้มีพระคุณต่อตน ทำเฉยเมย ไม่แยแส ทอดทิ้งพ่อแม่ยามชรา
---ชาตินี้ หญิงชายคู่นั้นก็กลับมาเกิดเป็นผัวเมียกันอีก รักกันซาบซึ้งตรึงใจ อุปสรรคในด้านความรักไม่มี มีแต่อุปสรรคในการดำรงชีพ ต้องผจญกับข้อขัดข้อร้อยแปดพันประการ ทำไร่ทำนา ก็ต้องเจอดินฟ้าอากาศวิปริต ฝนแล้ง น้ำท่วม โรคระบาด ประกอบการค้าก็พบแต่เจ้าหนี้หน้าเลือด ลูกหนี้เบี้ยว สินค้ามาไม่ทัน สินค้าต้องเน่าเสียหาย ถูกไฟไหม้ ถูกลัก ถูกขโมย การทอดทิ้ง ละเลย เพิกเฉยผู้มีพระคุณ เป็นผลร้ายอันรุนแรง สนองตอบในรูปแบบฟ้าดินลงโทษ
*(๖)อดีตชาติ หญิงชายเคยร่วมกันคดโกงญาติพี่น้องหรือหุ้นส่วน เอาเปรียบ ทำทารุณกรรมทางร่างกายและจิตใจ หลอกใช้งานแล้วไม่ให้ผลประโยชน์ตอบแทน
---ชาตินี้ จะทำให้สามีภรรยาคู่นั้นต้องไร้ญาติ ขาดมิตร ว้าเหว่เพราะไกลญาติ ได้รับความเดือดร้อนจากสังคมที่ตนเองเกี่ยวข้องด้วย ทรัพย์สินถูกลักขโมย หรือประสบความวิบัติจากน้ำ ไฟ สัตว์เลี้ยง
*(๗)อดีตชาติ หญิงเคยทำบุญ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยดอกไม้แห้ง
---ดอกไม้เฉา ถวายสมณพราหมณ์ด้วยอาหารแห้ง อาหารหมักดอง อาหารกระป๋อง หรืออาหารที่ทิ้งไว้นานจนชืด สงเคราะห์บริวารด้วยของเหลือ ซึ่งจวนจะใช้การไม่ได้แล้ว
---ชาตินี้ จะได้พบคู่ครองเป็นคนแก่ คนสูงอายุ มีผิวพรรณเหี่ยวย่น หรือได้สามีพ่อม่ายพ่อร้าง
*(๘)อดีตชาติ หญิงสาวหลบเลี่ยงไม่ยอมทำบุญทำทานให้แก่สมณพราหมณ์
---ซึ่งตั้งสำนักอยู่ใกล้บ้าน กลับนิยมชมชอบ เดินทางท่องเที่ยว ไปบำเพ็ญกุศลในที่ห่างไกล ในดินแดนต่างชาติต่างภาษา
---ชาตินี้ จะได้พบคู่ครองเป็นคนต่างชาติ มีขนบธรรมเนียมประเพณีที่ไม่เหมือนกัน
*(๙)อดีตชาติ เธอเขาเป็นสามีภรรยากัน มีชายร่ำรวยมาลุ่มหลง
---ถูกอกถูกใจในภรรยา สามีภรรยาคู่นั้นประสงค์จะได้ทรัพย์สิ่งของ จึงร่วมโกหกให้ชายนั้นเข้าใจผิดคิดว่า เขาเธอเป็นพี่ชายน้องสาวกัน
---ชาตินี้ ผัวเมียที่ร่วมกันหลอกลวงชายอื่น โดยเอาความรักความพิศวาสเป็นเหยื่อล่อเช่นนี้ เกิดภพใหม่ชาติใหม่ จะได้รับผลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน คือ
---กลับมาเป็นสามีภรรยากันอีก ถูกคนอื่นต้มตุ๋นเอาเงินทอง
---ทั้งสองฝ่ายมีครอบครัวแล้ว มาพบกันภายหลัง ก็รักชอบพอกันอีก เกิดภาวะรักซ้อนขึ้นในใจ
---ฝ่ายหญิงมีพันธะมาแล้ว พบชายภายหลัง รักชายมากกว่าคู่หมั้นคู่ครองของตัว
---ฝ่ายชายมีเมียร่ำรวยมาแล้ว บุญคุณของเมียค้ำคออยู่ เกิดเรื่องพิศวาสรักใคร่อย่างจริงจังกับหญิงอีกคนหนึ่ง จะทิ้งเมียเก่าก็เสียดายทรัพย์ เสียดายความสุขสบาย จะพรากจากเมียใหม่ ก็เหมือนหนึ่งจะบดหัวใจให้เป็นแผล
*(๑๐)อดีตชาติ เขาชอบขัดขวางทางรักของคนอื่น
---ด้วยการหลอกลวงสร้างหลักฐานพยานเท็จ ให้ชายหนุ่มเข้าใจผิดว่า หญิงสาวที่ชายหนุ่มชอบพอนั้น เป็นคนเลวร้าย มีโรคติดต่อร้ายแรง หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว เขาดำเนินกิจการต่างๆ จนกระทั่งคนรักกัน กลายเป็นคนเกลียดชังกัน คิดร้ายต่อกัน
*อดีตชาติ เขาหลงรักหญิงที่มีคู่รักคู่ใคร่
---เป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว เขาเพียรพยายามที่จะพรากหญิงนั้นมาเป็นของตน หญิงก็ไม่ยินยอม คงยึดมั่นในรักเก่าอย่างเหนียวแน่นมั่นคง เขาแสนแค้น จึงใช้พละกำลังหักหาญ ข่มขื่นชำเราหญิงนั้น หรือใช้น้ำกรดสาดหน้า ให้หญิงนั้นบาดเจ็บเสียโฉม
---หลังจากชดใช้กรรมในอบายภูมิมาพอสมควร เขาก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มาในชาตินี้
*ชาตินี้ เขาหลงรักหญิงใจทราม
---หรือติดใจในรสสวาทของนางบำเรอ เก็บตกเอาหญิงขายตัวจากซ่องโสเภณี มาใส่ตะกร้าล้างน้ำ พลาดโอกาสที่จะได้คนดีมาเป็นศรีแก่ชีวิต เขาต้องผจญภัย ฝ่าฟันอุปสรรค นานาประการเพื่อหญิงที่เขารัก ครั้นได้อยู่กินด้วยกันจริงๆ หญิงนั้นก็กลับเป็นเหตุให้เขา ต้องเดือดร้อนอยู่ร่ำไป เป็นหญิงที่ไม่มีคุณค่า ไม่มีความดีอันควรแก่การเทิดทูนบูชาแม้แต่น้อย เขาได้คนรูปชั่วตัวดำ น่าเกลียดน่ากลัวเป็นคู่สวาท เขาได้หญิงที่ร่างกายพิกลพิการเป็นคู่ครอง
(พิการโดยกำเนิด หรือพิการโดยอุบัติเหตุ วิบัติในภายหลัง)
*(๑๑)อดีตชาติ เขาเป็นพ่อสื่อ
---ชักนำหญิงมาเป็นภรรยาน้อยของเพื่อนชาย เรียกร้องเอาผลประโยชน์จาก หญิงชายคู่นั้นมากเกินควรหลอกล่อด้วยคำเท็จต่างๆ เพื่อเอาทรัพย์
---ชาตินี้ เขาไปหลงรักหญิงมีสามีแล้ว "เสียตังค์บ่ดาย บ่ได้แอ้ม" (หมดเงิน เสียเวลา เปลืองหัวใจ ไม่ได้แอ้ม)
*(๑๒)อดีตชาติ เขาเป็นพ่อสื่อประเภทต้มมนุษย์
---หลอกลวงให้เพื่อนชายหลงไหลในหญิงคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่หญิงคนนั้นมิได้รู้เห็นอะไรด้วยเลย ก็ทำหลักฐานเท็จปลอมจดหมายให้เพื่อนชายหลงผิด จ่ายเงินซื้อสิ่งของต่างๆ ให้ แล้วเขา (นักต้มมนุษย์) ก็เอาไปทำประโยชน์ส่วนตัว
---ชาตินี้ เขาจึงเป็น ไอ้งั่ง หลงรักผู้หญิงใจแข็ง ทุ่มเทเงินทอง ซื้อข้าวซื้อของให้หญิงนั้น หญิงก็หามีไมตรีตอบไม่
(เรื่องที่ ๔ พันธนาการชายหญิง)
*(๑)หญิงชายที่แต่งงานแต่งการ อยู่กินกันด้วยฤกษ์สมรสที่ดี
---โหราจารย์คิดคำนวณวางดวงฤกษ์ และร่วมทำพิธีอย่างถูกต้องจะเริ่มชีวิตคู่ด้วยความหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะ รุ่งเรืองก้าวหน้าไปด้วยดี ครั้นไม่สมหวัง ประสบอุปสรรคบ่อยๆ ก็ท้อถอย เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตคู่
---ฤกษ์สมรสที่ดี จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๖-๘ เดือน
*(๒)หญิงชายมีความสำราญในการร่วมประเวณีกัน ติดใจในรสกามารมณ์
---กามารมณ์ จะมีอำนาจผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๒-๓ ปี
*(๓)หญิงชายที่ได้รับการสนับสนุนจากญาติผู้ใหญ่
---ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นชอบให้ความร่วมมือ จัดตกแต่งอยู่กินด้วยกันแต่หาความภักดีกันได้ยาก เมื่อไปพบหญิงอื่นชายอื่นที่เข้าใจกัน ปรนเปรอความสุข พูดคุยกันด้วยถ้อยคำอ่อนหวานก็จะโน้มเอียงไปในรูปเผลอใจ
---ผู้ใหญ่ จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๒-๓ ปี
*(๔)หญิงชายมีความรักต่อกัน รู้สึกมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ชิดกัน เงียบเหงาว้าเหว่ คนึงหาเมื่อต้องพรากจากกัน
---ความรัก จะผูกพันชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๓-๔ ปี
*(๕)หญิงชาย ถูกหมอไสยศาสตร์ ใช้วิชาอาคม
---อาถรรพณ์เวทย์ ผูกมัดให้ต้องอยู่ร่วมกัน หญิงชายคู่นั้น จะอยู่ด้วยกันแบบครึ่งหลง ครึ่งเหตุผล เป็นลักษณะภาวะจำยอม อยู่ด้วยกันไปเรื่อย ๆ อย่างนั้นเอง คิดถึงกันเสมอ คิดถึงอย่างรุนแรงไม่อยากพรากกัน แม้จะเป็นจากกันชั่วคราว เพื่ออนาคตอันรุ่งโรจน์ก็ตาม
---อำนาจของอาถรรพณ์ จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๓-๔ ปี
*(๖)หญิงชายมีรสนิยมตรงกัน ชอบพออาหารอย่างเดียวกัน ชอบที่หลับที่นอน ที่อยู่กินอย่างเดียวกัน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายสีฉูดฉาด สีเรียบร้อย หรือสีเข้มขรึม ก็ชอบคล้ายคลึงกัน
---รสนิยม จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้ได้นาน ๕-๖ ปี
*(๗)หญิงหรือชายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นลูกหนี้เงินทอง
---ลูกหนี้น้ำใจ ลูกหนี้บุญคุณ จึงยินยอมแต่งงานเป็นผัวเมียกัน หญิงชายคู่นั้น จะอยู่กินกันแบบกระทำตามหน้าที่ หน้าที่การงาน ความเรียบร้อยในบ้านไม่บกพร่อง ชีวิตสะดวกสบาย แต่จืดชืด ไม่มีการหยอกล้อยั่วยวนกัน ไม่มีการเสียใจเมื่อต้องจากกัน ไม่มีการดีใจ ลิงโลดใจ เมื่อคนใดคนหนึ่งประสบความสำเร็จในบางสิ่งบางอย่าง
---ความเป็นลูกหนี้ จะผูกมัดชายหญิงนั้นไว้นานกำหนดไม่ได้แน่นอน อาจจะประมาณ ๗-๙ ปี อาจจะแยกจากกัน เพราะฝ่ายหนึ่งบวช หรือต้องติดตามไปอยู่ดูแลบ้านให้ลูกหลานคนใดคนหนึ่ง
*(๘)หญิงชายเคยเป็นคนบาดหมาง ทะเลาะวิวาทกันมาแต่ชาติปางก่อน
---ตั้งความปรารถนาที่ลบล้างกัน หาโอกาสแก้แค้นกัน แต่หาโอกาสได้ยาก ต้องตายจากกันเสียก่อน เกิดมาชาตินี้เป็นคู่ผัวตัวเมียกัน ทำลายกัน ล้างผลาญกันไม่หยุดหย่อนก็แยกจากกันไม่ได้
---แรงพยาบาทหรือเวร จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้นาน ๘-๑๐ ปี
*(๙)หญิงชายเคยเป็นสามีภรรยา
---เคยเป็นญาติพี่น้องกันมาแต่ชาติปางก่อน พบกันชาตินี้ เห็นกันก็รักใคร่สนิทสนมกัน ทำอะไรผิดหูผิดตาก็ให้อภัยกัน ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของกัน จะทำงานอะไรก็ปรึกษาหารือกัน ขอความเห็น ขออนุญาต
---บุพเพสันนิวาส จะผูกมัดชายหญิงคู่นั้นไว้นาน ๑๐-๑๒ ปี
(เรื่องที่ ๕ ตรวจสอบอาถรรพณ์)
*(๑)พิชิตเป็นสามี ทรายทองเป็นภรรยา
---พิชิตดำเนินกิจการไปโดยลำพังตนเองแล้วล้มเหลว ถ้าได้ทรายทองมาช่วย ปรึกษาให้คำแนะนำ กิจการนั้นก็เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าขึ้นได้อีก แสดงว่า ทรายทองเป็นคู่อุปถัมภ์ของพิชิต เขาขาดเธอไม่ได้
---อดีตชาติ ในการทำบุญประกอบการกุศลทุกอย่าง ทรายทองเป็นผู้จัดเตรียมวัตถุทาน และอุปกรณ์ต่างๆ ให้แก่พิชิต
*(๒)วสีเป็นเพื่อนรักใคร่กับประจักษ์ เที่ยวเตร่
---ดื่มสุรา กินอาหารด้วยกันเสมอ วสีจึงชวนประจักษ์ให้ร่วมประกอบการค้าทำด้วยกันไม่นาน ก็มีอุปสรรค ต้องเลิกกิจการ
---อดีตชาติ วสีและประจักษ์เป็นเพื่อนรักกัน ได้ร่วมกันทำบาป
*(๓)อำนาจเป็นสามี แก้วตาเป็นภรรยา
---อำนาจดำเนินกิจการงานตามลำพัง หรือร่วมกับเพื่อนฝูง งานการก็ก้าวหน้าเป็นลำดับ ครั้นนำเอาแก้วตาเข้ามาเกี่ยวข้องกับงานอาชีพ ทั้งๆ ที่แก้วตาก็ช่วยเหลือการงานเป็นอย่างดี กิจการก็กลับยุ่งยากสับสน ลูกค้าขาดความนิยม แสดงว่าแก้วตาเป็นผู้ล้างผลาญ เป็นคู่ขัดขวางของอำนาจในอดีตชาติ
---อดีตชาติ อำนาจเคยเป็นหนี้สิน เคยกลั่นแกล้งเอาเปรียบแก้วตา แก้วตาผูกใจเจ็บ คิดร้ายต่ออำนาจ กายหยาบเป็นสามีภรรยากัน กายทิพย์คิดทำลายล้างกัน
*(๔)ในชีวิตประจำวัน ยุทธนามีความสะดวกสบายพอประมาณ
---แต่ขณะเดียวกัน ต้องอยู่กินร่วมกันญาติพี่น้องที่ตนเกลียดชัง ทำงานร่วมกับบุคคลที่ตนไม่ชอบหน้า จะหลบหนีไปไหนก็ไม่พ้น ต้องทนทรมานหวานอมขมกลืนอยู่ตลอดเวลา
---อดีตชาติ ยุทธนาเลี้ยงสัตว์ขังกรง ปรนเปรอข้าวน้ำอาหาร ให้ความสุขเป็นอย่างดี แต่เป็นความสุขของสัตว์ในทัศนะของยุทธนา ยุทธนาไม่ยอมให้สัตว์แสวงหาความสุขโดยเสรีของตนเอง
*(๕)ในชีวิตประจำวัน สิรินทร์ได้อยู่กินกับคนที่ตนรัก
---คนที่ตนเคารพบูชา นิยมเลื่อมใส แต่บุคคลนั้นเป็นที่เกลียดชังของคนทั่วไป ทำให้สิรินทร์เดือดร้อน ยุ่งยาก ทุกข์ทรมานใจ
---อดีตชาติ สิรินทร์เลี้ยงสัตว์ (หรือเลี้ยงคน) แล้วปล่อยให้สัตว์นั้นเที่ยวระราน ทำความเดือดร้อนให้แก่เพื่อนบ้าน ญาติสนิท มิตรสหาย สิรินทร์ไม่ควบคุมดูแลสัตว์นั้น เอาอกเอาใจให้ความสุขแก่สัตว์นั้นๆ ในทางที่ไม่สมควร
*(๖)บุคคลบางคนมีกินมีใช้ สุขสบายพอประมาณอยู่ตลอดเวลา
---ครั้นเก็บเงินเก็บทองเพื่อเลื่อนฐานะความเป็นอยู่ของตน ก็มีเหตุเภทภัย ทำให้ต้องจ่ายเงินที่เก็บออมไว้ เป็นอย่างนี้ทุกหนทุกครั้ง แสดงว่า
---บุคคลนั้นเป็นเทพจุติจากสวรรค์ ลงมาถือกำเนิดเป็นมนุษย์ เมื่อครั้งเป็นเทพ ได้ประพฤติตนผิดพลาดบางอย่าง ทำให้เทพเจ้าผู้ปกครองโลกทิพย์แห่งนั้นลงโทษ ภาวะเช่นนี้เรียก สวรรค์สาป
---บางคนหาเงินได้ไม่เกิน ๗๐๐ บาท (พ.ศ. ๒๕๑๔) ได้เกินกว่านั้นเมื่อใด ลูกต้องเจ็บ เมียต้องป่วย ทุกหนทุกที
---หญิงบางคนมีเสน่ห์ในตัวมาก ผู้ชายมารุมตอมรักใคร่ชอบพอ ครั้นหญิงคนนั้นมีจิตพิศวาสรับรักชายคนใดคนหนึ่ง กลับมีเรื่องเดือดร้อนวุ่นวาย
---บุคคลบางคนมีอาการแพ้ต่อวัตถุสิ่งของบางอย่าง ที่คนทั่วไปเขาไม่แพ้กัน สวรรค์สาป จะบันดาลให้มนุษย์ได้รับความสุขอย่างมีขีดจำกัด ภายในขอบเขต ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่แน่นอนอย่างใดอย่างหนึ่ง
*(๗)ทุกครั้งที่พันธุมาศได้รับโชคดี ประสบความสำเร็จบางอย่าง
---จะต้องมีความอึดอัดใจ ไม่สบายใจติดตามมาด้วยเสมอ ได้คู่ครองเป็นคนดี เป็นคนเรียบร้อย เขาก็นำเอาญาติพี่น้องห่ามๆ ของเขามาอยู่ด้วย กว่าจะปลีกตัวหาโอกาสไปเที่ยว บ้านพักชายทะเลก็แสนยาก ครั้นได้ไปจริงๆ ก็ต้องร่วมไปกับเพื่อนของสามีที่ตนไม่ชอบหน้า เกิดอารมณ์ม่วนฝืดๆ สนุกฝาดๆ
---อดีตชาติ พันธุมาศเป็นนักรีด นักไถตัวยง แต่เป็นการรีดไถเพื่อสมาคม เพื่อมูลนิธิ เพื่อการกุศล
*(๘)สุรชัยรับราชการไต่เต้าแต่เสมียนจนกระทั่งถึงอธิบดี
---งานการก้าวหน้าเป็นลำดับมา เมื่อเป็นประจำแผนก ก็มีคนรักใคร่ชอบพอ เมื่อเป็นหัวหน้าแผนก งานการก็เรียบร้อย เมื่อเป็นหัวหน้ากอง ก็ได้สร้างสรรค์ขยายงานในกองให้ก้าวหน้ากว้างขวางยิ่งขึ้น เมื่อเป็นรองอธิบดี ผู้ใหญ่ก็โปรดปรานช่วยเหลืองบประมาณ เสนอขอทำอะไรก็ได้ทำ ได้ทำสมใจ ครั้นได้ตำแหน่งอธิบดี กลับมีเรื่องยุ่งยากเดือดร้อนเกิดขึ้น ข้าราชการผู้น้อยกระด้างกระเดื่อง มีเรื่องทะเลาะวิวาทกับปลัดกระทรวง ท่านรัฐมนตรีก็ลำเอียงไม่ให้ความเป็นธรรม เหตุการณ์บีบคั้นให้สุรชัยลาออกจากราชการแสดงว่า
---สุรชัยมีความรู้ความสามารถ แต่ขาดขาดบุญบารมี บุญไม่ถึงตำแหน่งอธิบดี เมื่อต้องรับตำแหน่งที่เกินกว่าบุญกุศลในอดีตชาติจะรองรับได้ ก็เกิดเหตุยุ่งยากขึ้น
*(๙)เมื่อปรารถนาทำบาป ต้องการให้ความฉิบหายบังเกิดแก่ผู้อื่น ก็หาอุบายบีบบังคับให้บริวาร ผู้ที่มิรู้เท่าถึงการณ์นั้น ทำบาปนั้นแทนตน
---คุณยายปรารถนาจะกินไข่ต้ม ก็บอกกล่าวเป็นนัยแก่ลูกสะใภ้ว่า อยากได้มะกอกเผือก
---ซื้อปลาเป็นจากตลาดมาขังไว้ ทำเป็นลืมใส่น้ำ ปล่อยให้ปลาตาย แล้วเอามาทำอาหารกิน สบายใจว่าตัวเองมิได้ฆ่าปลา ปลาตายเอง
---เพื่อนบ้านเลี้ยงไก่ ได้เข้ามาคุ้ยเขี่ยหาอาหารในบ้านของตน ก็ปล่อยหมาไล่ขย้ำไก่ ฉวยเอาไก่นั้นมาต้มยำกิน
---กรรมชั่วที่ทำด้วยเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิง เช่นนี้ จะมีผลทำให้ผู้กระทำกรรม ประสบเคราะห์ร้ายที่มีความเป็นมาอย่างลึกลับซับซ้อน เจ็บป่วยด้วยโรคที่หมอวินิจฉัยยาก รักษาเยียวยายาก กว่าจะรู้ตัวอาการของโรคก็รุนแรงแล้ว
*(๑๐)มีโชคลาภแล้วประสบเคราะห์
*อดีตชาติ เขาเคยฆ่าวัว ฆ่าควาย ฆ่าเป็ดไก่ ฯลฯ ทำอาหาร แล้วน้อมถวายแก่สมณพราหมณ์ด้วยความเคารพเลื่อมใส
---เขาเคยปล้นชิงทรัพย์สมบัติของประชาราษฎร แล้วแบ่งปันทรัพย์สมบัตินี้ ไปสร้างถาวรวัตถุไว้ในศาสนา สร้างสิ่งอันเป็นสาธารณสมบัติ
---เขาแสวงหาทรัพย์สินเงินทอง ด้วยการเบียดเบียนล้างผลาญคู่แข่งขัน ครั้นร่ำรวยแล้วก็ใช้ทรัพย์นั้นบำรุงเลี้ยงบิดามารดา ผู้มีพระคุณตลอดจนบริวารชน
---หลังจากรับใช้ผลกรรมในอบายภูมิมาพอสมควร แล้ว ก็มาเกิดเป็นมนุษย์ ด้วยผลกรรมที่ยังตกค้างอยู่ ทุกครั้งที่เขาประสบโชค ได้เงินได้ทอง ได้ทรัพย์สมบัติ จะต้องมีเรื่องเดือดร้อนติดตามมาด้วยเสมอ เช่น
---ถูกสลากกินแบ่งรางวัลใหญ่ แล้วเลี้ยงฉลอง ดื่มสุราเมามายขับรถไปชนต้นไม้
---ได้เมียร่ำรวยอยู่กินด้วยกันอย่างมีความสุข เมียประสบอุบัติเหตุ ตายต่อหน้าต่อตา เขาได้รับมรดกของเมีย คือได้ทรัพย์ เพราะเสียเมีย
---เล่นการพนันชนะได้เงินก้อนใหญ่ หลังจากนั้นไม่นานต้องสูญเสียลูกชายสุดที่รักไป
*(๑๑)โชคลาภจากความขัดข้อง
*อดีตชาติ เขาเป็นนายช่าง ชอบดัดแปลงของที่ใช้ไม่ได้
---ให้กลับมาใช้ประโยชน์ได้ เขามีน้ำใจ ชอบรับอาสาทำให้เพื่อนบ้านและคนรู้จักเสมอ แก้ไขใช้การได้ ก็ส่งคืนเจ้าของ
---เขาเป็นผู้มีประสบการณ์ ช่วยแนะนำให้เพื่อนฝูงใช้เครื่องมือ ของใช้ อุปกรณ์ต่างๆ ในแนวทางแปลกๆ ใหม่ๆ เป็นประโยชน์กว้างขวางยิ่งขึ้น ด้วยน้ำใจอันดี แนะนำประโยชน์แก่ผู้ที่เกี่ยวข้อง แม้จะไม่ทำบุญ ทำทานอื่นๆ มาในชาตินี้ เขาจึงมักได้โชคลาภอันเกิดจากข้อขัดข้องของคนอื่น
---ชายหนุ่มเตรียมของให้คนรัก ไปพบเห็นคนรักควงกับชายอื่น ช้ำหัวใจ จึงชวนเราไปเที่ยวหัวหกก้นขวิดด้วยกัน
---เพื่อนบ้านซื้อบัตรชมภาพยนตร์การกุศลไว้ ไม่มีโอกาสได้ไป เพราะคืนนั้นลูกชายป่วยกะทันหัน จึงมอบบัตรให้เราไปชมแทน
---คุณหลวงไปนอก ซื้อเสื้อกันหนาวฝากหลานชาย เสื้อเล็กไปหลานชายใส่ไม่ได้ จึงขายให้เราเท่าทุน ถูกกว่าราคาตามท้องตลาด ๖๐%
(เรื่องที่ ๖ อาถรรพ์สวาท)
*(๑)อดีตชาติ เขาเป็นนักบวชในศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
---ได้ประพฤติตนลามกอนาจาร ล่วงศีล เสพเมถุนกับสตรี แต่เป็นการร่วมประเวณีด้วยความรู้เห็นเป็นใจสมยอม หลังจากมรณกรรมเขาย่อมไปรับใช้ผลของกรรมอันลามกของเขาในภูมิต่ำ ครึ่งเปรตครึ่งสัตนรก เมื่อรับโทษทัณฑ์ไปได้มากกว่า ๖๕% ก็มาเกิดเป็นมนุษย์อีก คราวนี้เขากลับมาเกิดเป็นหญิง
---ชาตินี้ กลับมาเป็นหญิง แต่เป็นหญิงที่มีอาถรรพณ์ประจำตัว ชายใดได้ร่วมเพศด้วย ชายนั้นจะได้รับส่วนแบ่งแห่งอาถรรพณ์นั้นติดตามมาด้วย เช่น สามีซึมเซาหม่นหมอง ทำมาค้าขายไม่รุ่งเรือง ชายชู้ประสบอุบัติเหตุรถชนตาย
*(๒)อดีตชาติ เขาเป็นชายเจ้าชู้
---เที่ยวสมสู่กับหญิงทุกคนเมื่อโอกาสอำนวยแล้ว ไม่ยอมรับผิดชอบในการกระทำของตน จะเป็นหญิงมีเจ้าของ หรือหญิงต้องห้าม เขาก็มิได้ละเว้น
---ชาตินี้ เขาจึงมีอารมณ์เพศวิปริต มีจิตพิศวาสในเพศเดียวกัน หลงไหลใฝ่ฝันชายอื่น ไม่เอาใจใส่ดูแลคู่ครองของตน
*(๓)อดีตชาติ เขาเป็นผู้ร้ายทางกาม เป็นอาชญากรทางเพศ
---เที่ยวปล้นจี้และข่มขืนชำเรา ฉุดหญิงไปโทรม ด้วยผลกรรมอันนั้นตายแล้วเขาจะถูกคร่าลงไปรับความทุกข์ทรมานในแดนโจร ถูกตัดแขนตัดขา ครั้นรับโทษไปประมาณ ๗๐% ก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก
---ชาตินี้ เป็นคนกามตายด้าน ใจอยากจะร่วมเพศ แต่ร่างกายและอวัยวะเพศไม่เอื้ออำนวย เกิดความกลัดกลุ้มคลุ้มคลั่ง แล้วระยะต่อมาก็แปรเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่ายท้อแท้
*(๔)อดีตชาติ เขาเป็นอำมาตย์ผู้ยิ่งใหญ่
---หรือเป็นพ่อค้ามีอิทธิพล ใช้ความยิ่งใหญ่ ใช้อิทธิพลบีบบังคับหญิงให้มาเป็นภรรยาของเขา ขืนใจหญิงที่ไม่รักตน ให้ยอมรับเป็นนางบำเรอจนได้ หรืออดีตชาติ เขาเป็นนักบวชลามก ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน หลอกหญิงมาเป็นเพื่อนนอน
---ชาตินี้ เกิดมาเป็นกะเทย มีอวัยวะทั้งชายและหญิงรวมอยู่ในตัวคนเดียว ไม่สามารถหาความสุขของเพศใดเพศหนึ่งได้อย่างเต็มที่
*(๕)บุคคลใดมีทัศนะ มีความเห็นว่า กามารมณ์เป็นใหญ่
---ความรักเป็นใหญ่ ยอมละทิ้งหน้าที่ ยอมทำลายความดีงาม เพื่อความรัก เพื่อกามารมณ์ พ่อแม่เจ็บไม่มีเงินให้ค่าพยาบาล ลูกชายเอาเงินไปซื้อของฝากให้คนรัก เหตุการณ์ฉุกเฉิน ภาวะหน้าสิ่วหน้าขวานต้องอยู่เวรยามระวังเหตุร้าย กลับหลบงาน แวบไปหาความสุขทางกาม
---ชาตินี้ อำนาจความเหนี่ยวรั้งใจจะมีน้อย สิ่งแวดล้อมทางกามารมณ์จะมีอิทธิพลครอบงำอย่างรุนแรง ถ้าเกิดเป็นหญิงก็จะมีอาชีพโสเภณี เกิดเป็นชายก็จะเป็นเฒ่าโลกีย์ ทำงานเหงื่อท่วมตัว ก็หาเงินไปทูนหัวให้คู่สวาท ถูกหญิงคราวลูกคราวหลานด่าว่าหยาบคาย
*(๖)อดีตชาติ เขาหรือเธอเป็นผู้ไม่สนใจเรื่องทำบุญ บำเพ็ญกุศล
---ปฏิบัติธรรม ด้วยเห็นว่าเป็นเรื่องของคนแก่คนเฒ่า เป็นเรื่องของสมณชีพราหมณ์ หาใช่ธุระกงการอะไรของตนไม่ ครั้นเข้าที่คับขัน ชะตาอับ ไม่มีกินมีใช้ ไม่มีปุถุชนสามัญชนคนใดช่วยเหลือได้ ก็หันหน้าเข้าสู่วัด ขอให้พระสงฆ์ปัดเป่า เรื่องทุกข์ยากลำบากใจให้ ญาติพี่น้องคนใกล้ชิดเจ็บป่วยเพราะผีเข้าสิง อาละวาดโครมครามที่บ้านตนเคยดูถูกหมอผี ดูหมิ่นอาจารย์ไสยศาสตร์ ก็จำต้องบากหน้าเข้าไปขอความช่วยเหลือ บริวารประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตาย ก็ต้องเข้ากราบกรานหลวงลุงเจ้าอาวาสวัดใกล้ๆ บริเวณเกิดเหตุ ขอท่านรับเป็นธุระเรื่องศพให้ ความสำนึกในบุญคุณของศาสนา ความเลื่อมใสในบารมีธรรมของนักบวช ความเคารพเชื่อถือในอาจารย์ ปรากฎขึ้นในใจเขาเหมือนตะเกียงที่ถูกจุดสว่างขึ้น ความสว่างไสวเกิดขึ้นชั่วครู่ชั่วยามแล้วหรี่ดับมืดไป เขาตอบแทนน้ำใจผู้มีเมตตาต่อเขา ด้วยของบูชา ด้วยวัตถุทาน ด้วยเครื่องใช้สอย ทำเพียงครั้งสองครั้งแล้วก็หายหน้าไป กลับไปดำเนินชีวิตแบบเดิมอีหรอบเก่านั้นแหละ
---ผลกรรรม แห่งการบุญการกุศลที่ทำให้ครั้งคราวเดือดร้อน ในวาระที่เกิดความจำเป็น จะทำให้เขาพบรักกับบุคลที่เขาพึงใจ เป็นความรักแบบ Secret Love ต้องหลบๆ ซ่อนๆ กลัวคนอื่นจะรู้ เกรงสังคมจะนินทาหญิงเป็นเมียเก็บ ชายเป็นผัวลับ ถึงจะอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน ก็ต้องแบ่งภาค ภาคต่อหน้าคนอื่นทำเป็นเก๊ก เหมือนคนไม่มีอะไรกัน ภาคลับตาคนก็จู๋จี๋กันดี.
..............................................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
(แก้ไขแล้ว รดา)
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 30 สิงหาคม 2558
ทีคนไอ้เห็นเเก่ตัวอย่าง นายดำหริ บัวเลี้ยง ทำไมมันถึงไม่รับผลกรรมซะที