วัดเขาไกรลาศ ขอเชิญร่วมกันบริจาค อิฐ-หิน-ปูน
---และสิ่งก่อสร้างต่างๆ อันเป็นถาวรวัตถุไวัในพระพุทธศาสนาที่กำลังดำเนินการสร้างอยู่ขณะนี้ ทางวัดยังต้องการอยู่มากๆ จึงได้ชักชวนผู้ใจบุญทั้งหลายไว้ในที่นี้ด้วย โทรศัพท์ติดต่อ โทร. 08-53717244หรือติดต่อกับทางวัดได้โดยตรงค่ะ
---การเชื่อมบุญ หรือการอุทิศบุญ หนทางแห่งการใช้บุญที่ได้ผลอย่างมีประสิทธิภาพ
* ขออำนาจพระรัตนตรัยจงบันดาลบุญของข้าพเจ้าให้ถึงแก่…………
* ขออำนาจพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์จงบันดาลบุญของข้าพเจ้าให้ถึงแก่……..
* ขออำนาจพระพุทธะจงบันดาลบุญของข้าพเจ้าให้ถึงแก่………..
*คำอุทิศบุญ
---คำกล่าวในลักษณะเช่นนี้ คุณผู้อ่านเคยได้ยิน ได้ฟังมาบ้างหรือไม่? เวลาที่เราทำบุญทำทานใดๆ เสร็จแล้วมักจะมีการอุทิศบุญไปให้บุคคลที่เราต้องการให้เขาได้รับความสุขเช่นเดียวกับเรา เมื่อเราได้ทำการอุทิศบุญไปแล้วจะเกิดกระแสแห่งความสุขอิ่มเอมใจอย่างไม่อาจอธิบายได้ และเมื่อตั้งความปรารถนาในสิ่งใดแล้วอาจจะเกิดปาฏิหาริย์ต่างๆ ได้ สิ่งที่ไม่เคยคิดจะได้มาอย่างไม่คาดฝัน นี่แหละที่เราเรียกว่า การเชื่อมบุญและผลแห่งการเชื่อมบุญ
---การ “เชื่อมบุญหรือการอุทิศบุญกุศล” ไปให้นั้นไม่ใช่พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ แต่เป็นการสร้างบุญโดยที่เราตั้งใจที่จะโมทนาอุทิศบุญกุศลบุญนี้ส่งตรงไปที่ คนที่เราต้องการจะให้ทั้งเจ้ากรรมนายเวรทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิตที่เราอยากให้เขาอโหสิกรรม ให้เขาถอนตัวจากอุปสรรคต่างๆ ที่เขามาขัดขวางไว้ไม่ให้เราแก้ปัญหาต่างๆ หรืออุปสรรคใดๆ ได้สำเร็จ
---หากเป็นเจ้ากรรมนายเวร ก็คือ คนที่เราอยากจะไปขอโทษ ขออภัยในเรื่องที่เราอาจจะเคยสร้างไว้กับเขาทั้งในปัจจุบันและ อดีตชาติอันแสนยาวไกลที่นับไม่ถ้วน ให้เขาคลายผลแห่งความวิบาก ที่อาจกำลังเกิดขึ้นหรือจะไปเชื่อมบุญใหม่กับคนที่เราต้องการไปขอความช่วยเหลือจากเขาหรือคนที่เราต้องทำงานร่วมกัน คนที่ติดต่อทำมาค้าขายกัน คนที่มีปัญหาและอุปสรรคต่อกันในเรื่องต่างๆ ฯลฯ ให้ผ่านพ้นเคราะห์กรรมที่เลวร้ายต่างๆ ไปได้
---หากเป็นผู้ที่คอยสนับสนุนส่งเสริม ให้เกิดความสุขความเจริญอย่างพรหมเทพเทวดา ก็คือ การส่งบุญกุศลทั้งหลายที่เราได้ทำเอาไว้ไปให้เหล่าเทพเทวดาเหล่านั้น เพื่อให้เขารู้จักกับตัวเรารู้จักคุณงามความดีของเรา เพราะตัวเราต้องมีคุณงามความดีก่อนและรู้จักวิธีการส่งไปให้ท่านเทพเหล่านั้น ท่านจึงจะมาช่วยเหลือสนับสนุนสงเคราะห์เกื้อกูลเราได้
---การเชื่อมบุญเป็นการกระตุ้นบุญเก่า สร้างบุญเพิ่มบุญใหม่ไปพร้อมๆ กัน และส่งแรงบุญใหม่นี้ไปให้เจ้ากรรมนายเวรและพรหมเทพเทวดาทั้งหลายเพื่อให้บุญ บารมีนี้ช่วยให้ทำการติดต่อในเรื่องที่ติดขัดได้สะดวกยิ่งขึ้น
---ถ้าเป็นคนที่เคยมีบุญร่วมกันมาก่อนก็ง่าย เช่น ได้เคยกระทำบุญร่วมกันในวัดเดียวกัน อย่างคนที่เป็นพ่อแม่หรือญาติพี่น้องก็เหมือนมีบุญเก่าไปกระตุ้น แต่ถ้าเป็นเจ้ากรรมนายเวรอื่นๆ ไม่เคยทำบุญหรือรู้จักกันมาก่อนหรือจำไม่ได้ การเชื่อมบุญก็กลายเป็นบุญใหม่ ที่เราเป็นคนสร้างขึ้นมาร่วมกันกับเขา จะเป็นตัวไปเชื่อมให้เรื่องราวต่างๆ สำเร็จได้โดยง่าย
*จะทำการการเชื่อมบุญเมื่อไรดี
---การเชื่อมบุญ นั้นเราสามารถทำได้ตลอดเวลาทุกครั้งที่มีการทำบุญเกิดขึ้นด้วย 3 ทาง เป็นหลักแห่งการสร้างบุญใหญ่ ดังที่ได้กล่าวมา คือด้วย ทาน ศีล และภาวนา เมื่อมีการสร้างบุญเสร็จแล้วก็ต้องรีบนำบุญนี้ออกมาใช้ ส่งให้ท่านเหล่านั้น ด้วยการตั้งจิตอธิษฐานและส่งบุญไปให้ท่านเหล่านั้นทันที
---การมีบุญเก็บไว้มากๆ แล้วจะเป็นการดี ที่จะคอยป้องกันไม่ให้ชีวิตเราตกต่ำ แต่จะให้ดียิ่งขึ้นเราควรต้องรู้วิธีการนำออกมาใช้แก้ปัญหาให้ทันท่วงทีให้สม กับที่ว่า ทำดีย่อมได้ดีเสมอ จะได้ไม่ต้องรอนานๆ
*วิธีการกล่าวคำอุทิศและการตั้งจิตอธิษฐาน เพื่อเชื่อมบุญเพื่อจุดประสงค์ในการแก้ปัญหาประเภทต่างๆ
---1.หากมีปัญหาเรื่องสุขภาพร่างกายที่ไม่แข็งแรง ให้อธิษฐานเชื่อมบุญไปยังเจ้ากรรมนายเวร ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้นๆ ด้วยคำว่า “อิ ทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*พร้อมกับการตั้งจิตอธิษฐานภาวนาในใจต่อว่า
---“ขอให้บุญนี้ส่งตรงไปถึงเจ้ากรรมนายเวร ที่ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยแก่ข้าพเจ้า เมื่อท่านได้รับบุญแล้วขอให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้น ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะของชีวิตชั้นต่ำ เช่น เชื้อโรคโดยพลัน เมื่อข้าพเจ้าได้หายจากโรคร้ายเหล่านี้จะทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลส่งให้แด่ พวกท่านให้ไปอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขอให้ท่านได้เลิกอาฆาตจองเวรแก่ข้าพเจ้า และตั้งแต่บัดนี้ตัวข้าพเจ้า จะตั้งตนอยู่ในศีลธรรมตลอดไปโดยการเลิกเบียดเบียนเข่นฆ่า สัตว์ทั้งหลายและขอส่งผลบุญที่เกิดจากการรักษาศีลนี้ให้แก่พวกท่านด้วย”
---หลังจากนั้น ให้กล่าวอุทิศเชื่อมบุญไปให้กับพรหมเทพ เทวดาทั้งหลายด้วยคำว่า “อิ ทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
---เมื่ออุทิศบุญให้พรหมเทพและเทวดาทั้งหลายทั้งปวงแล้วก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานภาวนาขอพรจากท่านว่า
---“ด้วยเดชบุญแห่งพรหมเทพและเทวดาใด ๆ ที่ข้าพเจ้าได้อุทิศบุญแล้วนี้ขอให้ พรหมเทพและเทวดาผู้ได้รับบุญนั้น ได้นำหมอและยาที่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยอันเกิดแก่ข้าพเจ้ามารักษาข้าพเจ้าด้วย เมื่อข้าพเจ้าหายขาดจากโรคทั้งหลายนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะทำบุญอุทิศบุญแก่ท่านเพื่อความสุขอันเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป” ดังนี้
---นอกจากการกล่าวคำอุทิศบุญและการอธิษฐานขอพรแล้ว อาจใช้การสวดมนต์เจริญภาวนาในบทที่จะส่งเสริมให้หายป่วยโดยเร็ววันด้วย บทสวดมนต์อย่าง โพชฌงคปริตร บทสวดพระจักรพรรดิ บทถวายพรพระ (พาหุงมหากาฯ) หรือ บทคาถาพระชินบัญชร ร่วมด้วยก็ได้จะยิ่งเห็นผลเร็วขึ้น
---2.หากมีปัญหาเรื่องของปากท้องความเป็นอยู่ที่ยากจนขัดสน ด้านอาชีพและการสูญเสียทรัพย์สินของตนโดยใช่เหตุ
---ให้อธิษฐานเชื่อมบุญไปยังเจ้ากรรมนายเวร ที่ทำให้เกิดความยากลำบากในการเป็นอยู่ การขัดสนในการทำมาหาเลี้ยงชีพและการสูญเสียทรัพย์นั้นๆ ด้วยคำว่า “อิ ทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานต่อว่า
---“ขอให้บุญนี้ส่งตรงไปถึงเจ้ากรรมนายเวร ที่ก่อให้เกิดอุปสรรคขัดขวางในหน้าที่การงานต่างๆ เมื่อท่านได้รับบุญแล้ว ขอให้เหล่า เจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะของจิตที่อาฆาตพยาบาทโดยเร็วพลัน
---เมื่อข้าพเจ้าได้พ้นจากความยากลำบากเหล่านี้ จะทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลส่งให้แด่พวกท่านให้ไปอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขอให้ท่านได้เลิกอาฆาตจองเวรแก่ข้าพเจ้า และตั้งแต่บัดนี้ตัวข้าพเจ้าจะตั้งตนอยู่ในศีลธรรมตลอดไปโดยการหาเลี้ยงชีพโดยชอบด้วยอาชีพสุจริตและขอส่งผลบุญที่เกิดจากการรักษาศีลนี้ให้แก่พวกท่านด้วย”
---หลังจากนั้นให้กล่าวอุทิศเชื่อมบุญไปให้กับพรหมเทพ เทวดาทั้งหลายด้วยคำว่า “อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*เมื่ออุทิศบุญให้พรหมเทพและเทวดาทั้งหลายทั้งปวงแล้วก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่านว่า
---“ด้วยเดชบุญแห่งพรหมเทพและเทวดาใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้อุทิศบุญแล้วนี้ขอให้ พรหมเทพและเทวดาผู้ได้รับบุญนั้นโปรดอำนวยพรให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน เมื่อข้าพเจ้ามีทรัพย์มากขึ้นมีความสุขมากขึ้นก็จะทำบุญอุทิศบุญให้ท่านมากยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นลำดับ” ดังนี้
---3.หากมีปัญหาเรื่องครอบครัว สามีภรรยา คู่ครองและลูก ของตนเองมีความประพฤติที่น่าเอือมระอา
---ให้อธิษฐานเชื่อมบุญไปยังเจ้ากรรมนายเวร ที่ดลจิตดลใจหรือสร้างความผูกพันให้เกิดมิจฉาทิฐิในการเป็นอยู่ในครอบครัวด้วยคำว่า “อิ ทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานต่อว่า
---“ขอให้บุญนี้ส่งตรงไปถึงเจ้ากรรมนายเวร ที่ดลจิตดลใจ ก่อให้เกิดความไม่สงบสุขในครอบครัว เมื่อท่านได้รับบุญแล้ว ขอให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะของจิตที่ริษยาอาฆาตพยาบาทหรือพันธะสัญญาใดๆ โดยเร็วพลัน เมื่อข้าพเจ้าได้พ้นจากความไม่สงบสุขเหล่านี้ จะทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลส่งให้แด่พวกท่าน ให้ไปอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขอให้ท่านได้เลิกอาฆาตจองเวรแก่ข้าพเจ้า และตั้งแต่บัดนี้ตัวข้าพเจ้าจะตั้งตนอยู่ในศีลธรรมตลอดไปโดยการถือครองพรหมจรรย์และขอส่งผลบุญที่เกิดจากการรักษาศีลนี้ให้แก่พวกท่านด้วย”
---หลังจากนั้นให้กล่าวอุทิศเชื่อมบุญไปให้กับพรหมเทพ เทวดาทั้งหลายด้วยคำว่า “อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*เมื่ออุทิศบุญให้พรหมเทพและเทวดาทั้งหลายทั้งปวงแล้วก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่านว่า
---“ด้วยเดชบุญแห่งพรหมเทพและเทวดาใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้อุทิศบุญแล้วนี้ ขอให้พรหมเทพและเทวดาผู้ได้รับบุญนั้น มีความสุขมีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัยและช่วยดลจิตดลใจให้การอบรมตักเตือนสามี (หรือภรรยา) และบุตรของข้าพเจ้า ให้เป็นคนดีมีสัมมาทิฐิด้วย เมื่อข้าพเจ้าได้รับบุญแห่งคุณงามความดีและมีความสุขมากขึ้นก็จะทำบุญอุทิศบุญ ให้ท่านมากยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นลำดับ” ดังนี้
*หมายเหตุ...
---กรณีที่เป็นผู้ไร้คู่ยังไม่พบเจอเนื้อคู่ ก็ให้เปลี่ยนคำอธิษฐานว่า ขอให้ได้พบเนื้อคู่ที่ดีที่จะเป็นกัลยาณมิตรคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันไปตลอด ชีวิตไม่เป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกัน
---4.การที่ไม่เป็นที่ยอมรับจากคนในสังคม ขาดความน่าเชื่อถือและมีความคับแค้นใจไม่สบายใจต่างๆ
---ให้อธิษฐานเชื่อมบุญไปยังเจ้ากรรมนายเวรที่ขัดขวางไม่ให้เราพบกับทางเจริญในสังคมและขาดความน่าเชื่อถือด้วยคำว่า “อิ ทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานต่อว่า
---“ขอให้บุญนี้ส่งตรงไปถึงเจ้ากรรมนายเวรที่ คอยขัดขวางไม่ให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จเมื่อท่านได้รับบุญแล้ว ขอให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะของจิตที่ริษยาอาฆาตพยาบาทหรือพันธะสัญญาใดๆ โดยเร็วพลัน เมื่อข้าพเจ้าได้พ้นจากความไม่สงบสุขทางใจเหล่านี้ จะทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลส่งให้แด่พวกท่านให้ไปอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขอให้ท่านได้เลิกอาฆาตจองเวรแก่ข้าพเจ้า และตั้งแต่บัดนี้ตัวข้าพเจ้าจะตั้งตนอยู่ในศีลธรรมตลอดไปโดยการถือสัจจะและสร้างบุญด้วยวจีกรรมตลอดไปและขอส่งผลบุญที่เกิดจากการรักษาศีลนี้ให้แก่พวกท่านด้วย”
---หลังจากนั้นให้กล่าวอุทิศเชื่อมบุญไปให้กับพรหมเทพ เทวดาทั้งหลายด้วยคำว่า “อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา” ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข
*เมื่ออุทิศบุญให้พรหมเทพและเทวดาทั้งหลายทั้งปวงแล้วก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่านว่า
---“ด้วยเดชบุญแห่งพรหมเทพและเทวดาใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้อุทิศบุญแล้วนี้ขอให้ พรหมเทพและเทวดาผู้ได้รับบุญนั้นอำนวยพรให้ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จเป็นที่ยอมรับนับถือในสังคมและเป็นที่รักของทุกคนเมื่อข้าพเจ้าได้รับแห่งคุณงามความดีและมีความสุขมากขึ้นก็จะทำบุญอุทิศบุญให้ท่านมากยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นลำดับ” ดังนี้
---5.หากมีปัญหาในเรื่องสติปัญญาการเรียนรู้ต่างๆ
---ให้อธิษฐานเชื่อมบุญไปยัง เจ้ากรรมนายเวรที่ดลจิตดลใจหรือสร้างความผูกพันให้เกิดมิจฉาทิฐิ ในการเป็นอยู่ในครอบครัวด้วยคำว่า “อิ ทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
*พร้อมกับตั้งจิตอธิษฐานต่อว่า
---“ขอให้บุญนี้ส่งตรงไปถึงเจ้ากรรมนายเวรที่ มีสัญญาหรือคำสาปแช่งผูกพันในตัวของข้าพเจ้า ไม่ให้มีสติปัญญาที่ดี เมื่อท่านได้รับบุญแล้วขอให้เหล่าเจ้ากรรมนายเวรเหล่านั้นได้มีชีวิตที่ดีขึ้น มีภพภูมิที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะของจิตที่ริษยาอาฆาตพยาบาทหรือพันธะสัญญาใดๆ โดยเร็วพลัน เมื่อข้าพเจ้าได้พ้นจากความไม่สงบสุข เหล่านี้
---จะทำบุญอุทิศส่วนบุญกุศลส่งให้แด่พวกท่านให้ไปอยู่ในภพภูมิที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ขอให้ท่านได้เลิกอาฆาตจองเวรแก่ข้าพเจ้า และตั้งแต่บัดนี้ตัวข้าพเจ้าจะตั้งตนอยู่ในศีลธรรมตลอดไปโดยการตั้งตนอยู่ด้วยการไม่ข้องแวะกับสุรายาเสพติดและของมึนเมาทุกชนิดและขอส่งผลบุญที่เกิดจากการรักษาศีลนี้ให้แก่พวกท่านด้วย”
---หลังจากนั้นให้กล่าวอุทิศเชื่อมบุญไปให้กับพรหมเทพ เทวดาทั้งหลายด้วยคำว่า “อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข”
---เมื่ออุทิศบุญให้พรหมเทพและเทวดาทั้งหลายทั้งปวงแล้วก็ให้ตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากท่านว่า
---“ด้วยเดชบุญแห่งพรหมเทพและเทวดาใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้อุทิศบุญแล้วนี้ขอให้ พรหมเทพและเทวดาผู้ได้รับบุญนั้นช่วยดลบันดาลขอให้ข้าพเจ้ามีสติปัญญาและความจำดี มีกำลังใจ เมื่อข้าพเจ้าได้รับแห่งคุณงามความดีและมีความสุขมากขึ้นก็จะทำบุญอุทิศบุญ ให้ท่านเทวดาและเหล่าครูบาอาจารย์ผู้ที่คอยอบรมสั่งสอนข้าพเจ้าให้มากยิ่งๆ ขึ้นไปเป็นลำดับ”
*เคล็ดการอุทิศบุญในช่วงระหว่างวัน
---อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการอุทิศบุญหรือเชื่อมบุญนั้น ทำเวลาใดเมื่อไหร่ก็ได้ ในที่นี้ขอทำการ “จำลอง” สถานการณ์ในชีวิตประจำวันของเราซึ่งในความเป็นจริง ลักษณะความเป็นอยู่ของคนเรามีความแตกต่างกัน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม อยากจะแนะนำให้ลองทำดูให้บ่อยครั้งที่สุดเท่าที่ทำได้
*เมื่อตื่นเช้า
---เมื่อตื่นเช้า ให้อุทิศบุญให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับเราโดยทั้งทางความฝันและความเป็นจริง ให้กับเทวดาผู้คอยคุ้มครอง ปกปักรักษาเรา เจ้ากรรมนายเวรที่คอยเบียดเบียนทั้งภายนอกและภายในกายของเราตลอดจนถึง ภูตผีปิศาจ เปรต ปอบ นาค ครุฑ อสูร ยักษ์ คนธรรพ์ กุมภัณฑ์ ยมทูต เทวดา มาร และพรหมที่เป็นญาติหรือผู้คอยคุ้มครองดูแลเราที่อยู่ในบริเวณบ้านนี้
---เมื่อเข้าห้องน้ำจะชำระร่างกาย ก็ให้อุทิศบุญให้กับแบคทีเรีย จุลินทรีย์ต่างๆ ที่ต้องตายจากการที่เราชำระล้างร่างกายของเรา รวมทั้งให้เหล่าเชื้อโรคต่างๆ ที่ออกไปจากร่างกายของเราเพราะการขับถ่ายด้วย และก่อนจะออกจากห้องน้ำก็อุทิศบุญให้กับเชื้อโรคทั้งหมดอีกครั้ง
*เวลาช่วงเวลาระหว่างวัน
---นับตั้งแต่เวลาที่เรารับประทานอาหารเช้า ก็อุทิศบุญให้กับวิญญาณสัตว์ที่สถิตในอาหารทั้ง ผัก ข้าวและเนื้อสัตว์ ในน้ำและอาหารทั้งหมดรวมทั้งให้กับดวงใจสัตว์ตัวที่เรานำมาทำอาหารด้วย
---ในขณะที่เดินทางออกไปทำงาน ให้อุทิศบุญให้กับเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ คุ้มครองรถและภูตผีปิศาจที่อยู่กับรถ พร้อมทั้งบอกให้ท่านเหล่านั้นช่วยคุ้มครองป้องกันให้เดินทางได้อย่างปลอดภัย ขณะที่ขับรถอยู่ก็อย่าขับรถเพลินๆ ให้ตั้งจิตอุทิศบุญไปให้กับ บรรดา ภูตผีปิศาจ ปอบ เปรต วิญญาณต่างๆ ที่อยู่ตามถนนหนทางให้ได้บุญให้มีความสุข
---เมื่อถึงที่ทำงาน แล้วก็ให้อุทิศบุญให้กับเทวดาที่ประจำอยู่ที่ทำงานรวมไปถึงเพื่อนร่วมงานทุกคน อุทิศบุญให้กับ ภูตผีปิศาจ ปอบ เปรต อสูร ฯลฯที่อยู่ในที่ ทำงานให้ได้รับความสุขกันถ้วนหน้าแล้วตั้งใจทำงานไปตามปกติ
---เมื่อกลับถึงบ้าน ก็ให้ทำการอุทิศบุญอีกครั้ง ให้กับองค์เทพผู้ปกปักรักษา ตัวเรา และสรรพวิญญาณที่อยู่ตามรายทางอีกครั้งเมื่อถึงบ้านก็ให้ปฏิบัติแบบเดียวกันกับเมื่อตอนก่อนที่เราจะออกจากบ้าน
*เวลาก่อนเข้านอน
---ภายหลังการสวดมนต์ไหว้พระ แล้วจะทำให้จิตใจสงบและผ่อนคลาย แต่ก็มีบางรายที่อาจจะนอนยังไม่หลับหรือเป็นผู้ที่มีนิสัยหลับยาก ก็อาจจะใช้วิธีการอุทิศบุญนี้เข้าช่วย โดยอุทิศบุญให้เจ้ากรรมนายเวรที่เบียดเบียนอยู่ทั้งภายนอกและภายในและรอบๆ ดวงจิตของเราหรือให้กับผู้ที่มีอำนาจทำให้ตัวของเรานอนไม่หลับอยู่ในเวลานี้
---โดยคำกล่าวอุทิศบุญนั้นอาจใช้คำว่า “ขออำนาจพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ จนบันดาลบุญของข้าพเจ้าให้กับ…….(แล้วเอ่ยชื่อของผู้ที่ต้องการให้ได้รับผลบุญนั้น)
.........................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
หาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในหนังสื่อปาฏิหารย์เชื่อมบุญค่ะฯ
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 24 กันยายน 2558
ความคิดเห็น