ประเพณีอาบน้ำเพ็ญ เดือน ๑๒
*พิธีอาบน้ำเพ็ญ อำนาจลี้ลับจากพระจันทร์
---ครูบาอาจารย์ในสมัยโบราณมีความรู้เรื่องราวเกี่ยวกับอำนาจพลังจากธรรมชาติ เป็น อย่างดี มีความเชี่ยวชาญในการดึงหรือเหนี่ยวนำอำนาจจากธรรมชาติลงมาสู่ชีวิตเพื่อให้ เกิดความเจริญรุ่งเรือง เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยม หรือเพื่อปกป้องจากภัยอันตรายต่างๆ หนึ่งในขุมพลังงานตามธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่มนุษย์เรามีความเชื่อถือกันมานานไม่ต่ำกว่า ๑ หมื่นปีที่ผ่านมาหรือจะเรียกว่าตั้งแต่บังเกิดมนุษย์ขึ้นมาก็มีความเชื่อใน สิ่งนี้เกิดขึ้นเป็นเงาตามตัวก็ว่าได้ อำนาจที่ว่านั้นคือพระจันทร์ พระอาทิตย์และพระจันทร์เป็นสิ่งที่คู่กันมาแต่นมนาน เป็นสองพลังงานที่แผ่พลังอำนาจอันมหาศาลให้แก่โลกมานานนับแต่ดึกดำบรรพ
---กล่าวว่าพลังอำนาจแห่งพระจันทร์หรือดวงจันทรานั้นเป็นพลังงานเพียงสิ่งเดียว ที่คานอำนาจแห่งพระอาทิตย์หรืออำนาจแห่งสุริยันต์ได้ แม้ว่าในทางกายภาพแล้วดวงจันทร์จะมีขนาดเล็กมากเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ก็ ตาม แต่ตามหลักการส่งพลังงานตามที่ครูบาอาจารย์สมัยโบราณได้ล่วงรู้นั้น ท่านกล่าวว่า เมื่อเปรียบโลกเป็นดาวดวงกลางที่คอยรับพลังงานจากพระอาทิตย์และพระจันทร์ แล้ว แม้ว่าพระจันทร์จะมีขนาดเล็ก แต่พระจันทร์กลับเป็นดวงดาวที่อยู่ใกล้โลกเรามากที่สุด ดังนั้นอำนาจของพระจันทร์จึงเหมือนคาดีดคานงัดกับพระอาทิตย์ ของที่มีขนาดเล็ก ก็สามารถมีพลังอำนาจที่มหาศาลได้เมื่ออยู่ใกล้โลกมากที่สุด ขณะเดียวกันก็สามารถที่จะมีแรงต้านทานหรือสอดประสานกับพลังงานอันมหาศาลของ พระอาทิตย์ได้ด้วย
*พิธีกรรมอาบน้ำเพ็ญ
---สำหรับพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่ดูเหมือนเป็นพิธีกรรมลับที่น้อยคนเหลือเกินจะล่วงรู้ก็คือการอาบน้ำเพ็ญ หนึ่ง ในพิธีกรรมที่สามารถดึงเอาพลังงานอันมหาศาลจากดวงจันทร์มาใช้ประโยชน์ ในชีวิตเราได้ การอาบน้ำเพ็ญนั้นจากประวัติตำนานพบว่ามีมานานนับพันปีแล้วครับ แต่ที่ถูกบันทึกไว้เป็นหลักฐานช่วงสมัยรัตนโกสินทร์ก็ได้แก่การอาบน้ำเพ็ญ ของสมเด็จพระสังฆราช
---แพ วัดสุทัศน์ ซึ่งท่านจะอาบในวันเพ็ญเดือน ๑๒ เท่านั้น การอาบนั้นท่านจะให้อาบกลางแจ้ง โดยรอฤกษ์ที่พระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางศรีษะ ในช่วงเวลานั้นจะพบว่าเงาของพระจันทร์จะลอยอยู่กลางขันน้ำมนต์พอดิบพอดี ตอนนี้แหละที่น้ำทุกอณู ธาตุจะได้รับกระแสพลังงานจากพระจันทร์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ธาตุน้ำคือธาตุสำคัญที่มีความสัมพันธ์กับพระจันทร์มากที่สุด เพราะทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวง แรงพลังอำนาจจากพระจันทร์จะทำให้น้ำในโลกถูกยกตัวสูงขึ้นกว่าธรรมดาทั่วไป ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกตามธรรมชาติ ดังนั้นเมื่อน้ำเป็นสื่อที่มีความสัมพันธ์กับพระจันทร์โดยตรง
---น้ำยังมีศักยภาพในการรับกระแสแรงพลังงานจากพระจันทร์ได้ดีที่สุดด้วย เมื่อ เป็นเช่นนี้โบราณจารย์จึงได้ทำการจัดพิธีอาบน้ำเพ็ญ หนึ่งในพิธีกรรมที่น้อมนำเอาพลังงานจากจักรวาลมาสู่ชีวิตของมนุษย์เรา ซึ่งเป็นที่รับรองได้ว่าด้วยอำนาจมหาศาลจากพระจันทร์หรืออำนาจากพลังจักรวาล นั้นย่อมทำให้ผู้ที่ได้รับพลังงานเกิดความเจริญและปาฏิหาริย์แห่งชีวิตได้ อย่างมากมาย
*อาบน้ำเพ็ญ
---พิธีการอาบน้ำมนต์น้ำเพ็ญนั้นที่บันทึกไว้เป็นหลักฐานคือการประกอบพิธีอาบ น้ำเพ็ญที่วัดสุทัศน์สมัยสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ท่านจะประกอบพิธีเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยมากเลือกเอาวันเพ็ญเดือนสิบสอง แต่ถ้าวันเดือนใดที่มีพระจันทร์เต็มดวงตรงกับวันจันทร์ก็ใช้วันนั้นได้ ถือว่าเป็นวันที่พิเศษอย่างยิ่ง เพราะนานทีปีหนจึงมีพระจันทร์เต็มดวงตรงกับวันจันทร์ ถือ ว่าไม่ใช่เรื่องง่ายยามอาบท่านจะอาบตอนช่วงที่พระจันทร์ขึ้นตรงกับศรีษะ กลางกระหม่อม ราวๆประมาณ เที่ยงคืน ทำการสวดพระปริตพุทธมงคลคาถา
---เอาขันน้ำมนต์มาตั้งไว้ยังกลางแจ้ง รอจนกระทั่งบังเกิดเงาของพระจันทร์ลอยเด่นอยู่ภายในขันน้ำมนต์หรือภาชนะที่ ใส่น้ำนั้น เป็นการนำเอาธาตุน้ำมารับแสงจันทร์ ธาตุน้ำในช่วงเวลาดังกล่าวจะทำการซึมวับเอาพลังงานจากพระจันทร์ช่วงเต็มดวง ไว้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ธาตุน้ำถือว่าเป็นธาตุสัมพันธ์กับพระจันทร์อยู่แล้วในตัว เพราะยามที่พระจันทร์ขึ้นสูงสุดนั้นอย่างวันพระจันทร์เต็มดวงนั้นจะมี อิทธิพลต่อธาตุน้ำในโลก โดยจะทำให้ปริมาตรน้ำยกตัวสูงขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อครูบาอาจารย์ล่วงรู้ควมสัมพันธ์ดังนี้ท่านจึงทำน้ำมนต์น้ำเพ็ญโดยการนำ เอาธาตุน้ำมาตั้ง กลางแจ้งรับพลังงานจากแสงจันทร์ให้เต็มที่แล้วประจุกระแสจิต ตั้งจิตอธิษฐานลงไป เพียงเท่านี้น้ำมนต์น้ำเพ็ญก็มีพลานุภาพมากมายหลายประการ ยิ่งเมื่อมาทำที่สระมรกตแล้ว เขาเชื่อกันว่าทุกครั้งที่ทำพิธีจะมีปู่พญานาคขึ้นมาแผ่พลังจิตอธิษฐานให้ แก่น้ำมนต์นี้ด้วย เรียกว่าน้ำมนต์น้ำเพ็ญที่สระมรกตนี้จะศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษเพราะได้แรง พลังจากนาคราชเข้ามาเสริม
---การอาบน้ำมนต์น้ำเพ็ญนั้น ปกติในหนึ่งปีจะนิยมทำในวันเพ็ญเดือน ๑๒ แต่ ที่พิเศษที่สุดคือการอาบน้ำมนต์น้ำเพ็ญในวันที่พระจันทร์เต็มดวง และมาตรงกันกับวันจันทร์ เรียกว่าจันทร์ซ้อนจันทร์ หากในเดือนใดปีใดที่มีจันทร์ซ้อนจันทร์เช่นนี้ถือว่าดีเป็นพิเศษไม่ต้องรอ วันเพ็ญเดือน ๑๒ ก็ได้ เพราะอำนาจของจันทร์ซ้อนนี้ถือว่าดีพิเศษในตัว พระจันทร์ในวันดังกล่าวจะมีฤทธิ์มากเป็นพิเศษ เพราะได้กำลังแรงวันจันทร์ผนวกเข้าไป แต่ในปีหนึ่งๆนั้นการที่จะมีวันจันทร์ซ้อนจันทร์เป็นเรื่องไม่ง่ายจึงใช้เอา วันเพ็ญเดือนสิบสองมาเป็นเกณฑ์ในการทำพิธี
*อาบน้ำเพ็ญแบบพุทธ-พราหมณ์
---คนไทยแต่โบราณเชื่อเรื่องอำนาจพิสดาร ที่เกิดจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งแม้ดวงจันทร์จะมีขนาดไม่ใหญ่ แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้โลกที่สุด อำนาจและแรงดึงดูดจึงมีอิทธิพลต่อโลกอย่างมาก โดยมีอิทธิพลต่อน้ำขึ้นน้ำลงบนโลกมนุษย์ ความเชื่อเรื่องอำนาจจากดวงจันทร์เต็มดวง มีอยู่ทุกภูมิภาคของโลกและชาวพุทธเป็นอย่างมาก เนื่องด้วยวันสำคัญในทางศาสนาพุทธ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ หรือที่เรียกว่า เดือนเพ็ญ จึงเกิดเป็นพิธีกรรมหนึ่งขึ้นมา คือพิธีอาบน้ำเพ็ญ
---เพราะเชื่อว่า เมื่ออาบน้ำเพ็ญแล้วจะโชคดี มีลาภ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม คนที่ป่วยด้วยโรคภัยไข้เจ็บหน้าตาเศร้าหมอง จะหายจากอาการเจ็บป่วย หรือผู้ที่เป็นหมอดู นักพยา กรณ์ แพทย์แผนโบราณ ก็จะทำให้มีความสามารถในการพยากรณ์ ในการรักษาโรคดีขึ้น หรือผู้ที่เป็นนักเรียน นักศึกษาจะทำให้เรียนเก่ง ความจำดี มีปฏิภาณไหวพริบ เสริมสง่าราศีให้ผุดผ่อง เสริมบารมีแก่ผู้มีญาณเทพ มีองค์เทพคุ้มครอง ขจัดอำนาจมนต์ดำ คุณไสย ภูตผีปีศาจ ที่เข้าแฝงในร่าง กาย ทำให้ชะตาชีวิตรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน คนไทยแต่โบราณจึงได้นำพิธี อาบน้ำเพ็ญเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน "ประเพณีลอยกระทง" คือ เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนที่พระจันทร์เต็มดวงตรงศีรษะ ก็จะลงอาบน้ำเพ็ญตามแม่น้ำลำคลอง
---พิธีการอาบน้ำมนต์น้ำเพ็ญนั้น มีบันทึกไว้เป็นหลักฐานคือการประกอบพิธีอาบน้ำเพ็ญที่วัดสุทัศน์สมัยสมเด็จ พระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ เสด็จท่านฯ จะประกอบพิธีเพียงปีละครั้งเท่านั้น โดยเลือกเอาวันเพ็ญ เดือน 12 ถือว่าเป็นวันที่พิเศษอย่างยิ่ง
---โดย พิธีจะเริ่มจากพระสงฆ์ทำสังฆกรรม สวดพระ ปาฏิโมกข์ อันหมายถึงความบริสุทธิ์แห่งสงฆ์ทั้ง ปวงต่อด้วยปฐมเทศนา เจริญพระพุทธมนต์ธัมมจักกัปปวัตนสูตร จากนั้นจะเป็นการสวดนพเคราะห์ บูชา เทพยดาประจำวันเกิด เสริมดวงชะตา เสริมวาสนา บารมี โดยพระสงฆ์จะเจริญพระพุทธมนต์ประจำแต่ละวันสลับกับโหรหรือบัณฑิต อ่านโองการบูชาเทพยดานพเคราะห์ทั้ง 9
---ต่อ ด้วยเจริญพระคาถาพุทธาภิเษก หมายถึง พระ พุทธ มีความยิ่งใหญ่ดุจดวงอาทิตย์ พระธรรม มีความเยือกเย็น งดงามดุจพระจันทร์ พระสงฆ์ เปรียบเหมือนดวงดาวที่รายล้อมอยู่ บารมี 10 ทัศ สรรเสริญพุทธลักษณะ 32 ประการ อนุพยัญชนะ 80 ประการ และบทเจริญเมตตาใหญ่
---ต่อด้วยเจริญพระ คาถาภาณวาร เป็นพระคาถาที่สวดตามวาระ ไม่ค่อยสวดบ่อยนัก เป็นพระคาถาขับไล่เสนียด สิ่งอัปมงคล ป้อง กันภัย แลโรคร้ายต่างๆ และเจริญอายุวัฒนะ ดังเช่น พระมหากัสสปะ อาพาธ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมให้ฟัง ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ทรงอาพาธ พระมหาจุนทะก็แสดงถวาย และจบลงด้วยพระคาถาทิพย์มนต์ หมายถึง มนต์อันเป็นทิพย์ มีความสะอาด สดใสและให้ความสำเร็จแก่ผู้ได้ฟัง สังวัธยายทิพย์มนต์ ให้รุ่งโรจน์ รุ่งเรือง ขจัดปัญหาอุปสรรคที่ขัดข้อง ป้องกันภัยจากหมู่อมิตร
*ในสมัยพุทธกาล การอาบน้ำเพ็ญแบบพุทธนั้น
---ชาวชมพูทวีปส่วนใหญ่นับถือศาสนาพราหมณ์ คำสอนที่ถือเป็นหลักปฏิบัติที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ความเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของน้ำ เรียกว่า นหานสุทธิ ซึ่งหมายถึง ความบริสุทธิ์เกิดได้เพราะการอาบน้ำชำระบาป แม้พระพุทธเจ้าเองก็เคยถูกพราหมณ์ภารทวาชะชักชวนไปอาบน้ำเพื่อลอยบาปเช่นกัน
---ซึ่งพระองค์ก็มีพระดำรัสสอนเกี่ยวกับการอาบน้ำในพระธรรมวินัยของพระองค์ว่า " คนพาลที่ทำความชั่วแล้ว ถึงจะไปสู่แม่น้ำพหุกา แม่น้ำอธิกักกะ แม่น้ำคยา แม่น้ำสุนทริกา แม่น้ำสรัสสตี แม่น้ำปยาคะ และแม่น้ำพาหุมดี เป็นประจำ ก็ทำให้เป็นคนบริสุทธิ์ไม่ได้ แม่น้ำเหล่านี้จะทำอะไรได้ จะช่วยชำระสะสางผู้ทำบาปหยาบช้าให้บริสุทธิ์ผุดผ่องขึ้นไม่ได้ ผัคคุณฤกษ์ (ฤกษ์มีพระจันทร์เพ็ญเสวยนักษัตรผลคุนี คือ เดือน ๔ ประมาณเดือนมี.ค.ของทุกปี)เป็นนักขัตฤกษ์ตลอดกาล ของคนที่ไม่ทำความชั่ว อุโบสถก็เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ ข้อปฏิบัติที่ดีก็ถึงพร้อมแก่คนบริสุทธิ์ผู้ทำแต่ งานสุจริต
---ดูก่อนพราหมณ์ ถ้าท่านอาบน้ำในศาสนาของเรา คือ มอบความปลอดภัยให้สัตว์ทั้งปวง ไม่พูดคำเท็จ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ลักทรัพย์สินเงินทองของผู้อื่น มีศรัทธา ไม่ตระหนี่ถี่เหนียวแล้ว จะต้องไปสู่แม่น้ำเพื่อประโยชน์อันใด แม้แต่การดื่มน้ำจากแม่น้ำเหล่านั้นก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ (ไม่สามารถล้างบาปได้เลย)"
*อาบน้ำเพ็ญแบบพราหมณ์
---พิธีอาบน้ำเพ็ญ ปรากฏหลักฐานตามหนังสือพระราชพิธี ๑๒เดือน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ความว่า "วันนี้ ทางศาสนาพราหมณ์เรียกว่า ศิวาราตรี ตอนเช้าพวกพราหมณ์จะนำหม้อทองเหลืองเดินทูนศีรษะไปยังแม่น้ำคงคา นั่งตามริมฝั่งน้ำแล้วใช้หม้อตักน้ำขึ้นมาบริกรรมคาถา แล้วนำมาล้างหน้าบ้วนปาก จากนั้นก็กระโดดลงไปในแม่น้ำคงคา ดำลงไปในน้ำ ๓ ครั้ง โกยดินตมที่อยู่ในน้ำมาฟอกถูตัวแทนสบู่แล้วจึงใช้น้ำชำระล้างถูตัวให้สะอาด เสร็จแล้วจึงเอาหม้อตักน้ำขึ้นมานุ่งผ้าให้เรียบร้อย เดินทูนหม้อน้ำมุ่งหน้าสู่เทวสถานเพื่อประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป การปฏิบัติเช่นนี้ ถือว่าได้อาบน้ำชำระบาปที่ได้ทำมาทั้งหมด"
*ส่วนพิธีอาบน้ำเพ็ญ ที่ถือปฏิบัติอยู่ในปัจจุบัน
---มักเป็นพิธีที่ถูกผสมผสานระหว่างศาสนาพราหมณ์กับพุทธ เพื่อให้เกิดพลังความเข้มขลัง เช่น มีการสร้างวัตถุมงคล พร้อมทั้งได้อาราธนาพระวิปัสสนาจารย์ผู้ทรงสมาธิคุณ เป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป จากทั่วประเทศมาร่วมนั่งบริกรรมพระคาถานั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกให้วัตถุ มงคลและน้ำที่นำมาเข้าพิธีบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ คล้ายกับงานพุทธาภิเษกพระเครื่องทั่วๆ ไป เพื่อให้ผู้ที่เข้าร่วมพิธีอาบน้ำเพ็ญ เกิดกำลังใจกล้าที่จะละชั่วทำแต่ความดี เสริมสร้างบารมีให้แก่ตนเองตลอดไป
*คติความเชื่อเรื่องอาบน้ำเพ็ญ
---ตำหรับการอาบน้ำเพ็ญที่เลื่องชื่อ คือ การอาบน้ำเพ็ญของสมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์ ซึ่งท่านจะอาบในวันเพ็ญเดือน ๑๒ เท่านั้น การอาบนั้นท่านจะให้อาบกลางแจ้ง โดยรอฤกษ์ที่พระจันทร์ลอยเด่นอยู่กลางศีรษะ ในช่วงเวลานั้นจะพบว่าเงาของพระจันทร์จะลอยอยู่กลางขันน้ำมนต์พอดิบพอดี เพราะทุกครั้งที่พระจันทร์เต็มดวง แรงพลังอำนาจจากพระจันทร์จะทำให้น้ำในโลกถูกยกตัวสูงขึ้นกว่าธรรมดาทั่วไป ซึ่งว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกตามธรรมชาติ เมื่อเป็นเช่นนี้โบราณจารย์จึงได้จัดพิธีอาบน้ำเพ็ญ
*ประโยชน์จากการอาบน้ำเพ็ญ
---ผู้ที่เข้าพิธีอาบน้ำเพ็ญมีคติความเชื่อสืบต่อกันมาว่า น้ำในวันนี้เกิดจากพลังเทพประทานพร น้ำทุกหยดมีเทพในภพในภูมิต่างๆ ประกอบกับน้ำทุกสายที่ไหลบ่ามาจากป่าเขาลำเนาไพร ล้วนไหลผ่านดงสมุนไพรนานาพันธุ์ สารพัดคุณสารพัดประโยชน์ที่สามารถช่วยบำบัดเยียวยารักษาโรคได้ทุกชนิด ทำให้ผู้ได้อาบและดื่มกินมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน ผิวพรรณผ่องใส และอายุยืน
---นอกจากนี้แล้วยังมีความเชื่ออีกว่าคนที่ป่วยเป็นโรคภัย ไข้เจ็บ หน้าตาเศร้าหมอง เมื่อได้อาบน้ำเพ็ญไปแล้วก็จะหายจากอาการเจ็บป่วย หรือผู้ที่เป็นหมอดู นักพยากรณ์ เป็นแพทย์แผนโบราณ เมื่อได้อาบน้ำเพ็ญแล้วก็เชื่อว่าจะทำให้มีความสามารถในการพยากรณ์ ในการรักษาโรคดีขึ้น หรือผู้ที่เป็นนักเรียนนักศึกษาก็เชื่อว่าหากได้รับอาบน้ำมนต์น้ำเพ็ญแล้ว ให้อธิษฐานอยู่ในใจ จะทำให้เรียนเก่งความจำดี มีปฏิภาณไหวพริบ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ คุ้มครองป้องกัน ความจำดีมีปฏิภาณไหวพริบเรียนหนังสือเก่ง เสริมสง่าราศีให้ผุดผ่องดังพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ เสริมบารมีแก่ผู้ที่มีญาณเทพ มีองค์เทพคุ้มครอง ขจัดอำนาจมนต์ดำ คุณไสย ภูติผีปีศาจที่เข้าแฝงอยู่ในร่างกาย ทำให้ชะตาชีวิตรุ่งโรจน์ ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน.
(หมายเหตุ: เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจแต่ละบุคคลนะครับ)
.........................................................................
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล
รวบรวมโดย...แสงธรรม
อัพเดทรอบที่ 6 วันที่ 23 กันยายน 2558
ความคิดเห็น